วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ลักษณะของครูที่ดี


ลักษณะของครูที่ดี

          แนวคิดหรือทัศนะเกี่ยวกับครูที่ดีว่าจะต้องเป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะอย่างไรนั้น มีนานาทัศนะทั้งจากแนวคิดทางวัฒนธรรมความเชื่อแบบไทย ทัศนะความคิดจากวงการการศึกษาตะวันตก ตลอดจนผลการศึกษาค้นคว้าและวิจัยต่างๆ ลักษณะของครูที่ดีเป็นอย่างไรนั้น อาจจะศึกษาได้จากแนวความคิดต่างๆ ดังนี้
1. ลักษณะครูที่ดีตามพระราชดํารัส
         พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ครูอาวุโสเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2522 มีข้อความที่เกี่ยวกับลักษณะครูที่ดี 3 ประการ คือ ความเป็นครูนั้นประกอบขึ้นด้วยสิ่งที่มีคุณค่า สูงหลายอย่างอย่างหนึ่งได้แก่ปัญญา คือความรู้ที่ดีที่ประกอบด้วยหลักวิชาอันถูกต้อง ที่แน่นแฟ้นกระจ่างแจ้งใน ใจรวมทั้งความฉลาดที่จะพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ตลอดจนกิจที่จะทำ คำที่จะพูดทุกอย่างได้โดยถูกต้อง ด้วยเหตุผล อย่างหนึ่งได้แก่ ความดีคือ ความสุจริต ความเมตตากรุณาเห็นใจและปรารถนาดีต่อผู้อื่นโดยเสมอหน้าอีกอย่าง หนึ่งได้แก่ ความสามารถ ที่จะเผื่อแผ่และถ้ายทอดความรู้ความดีของตนเองไปยังผู้อื่นอย่างได้ผล ความเป็นครูมี อยู่แล้ว ย่อมฉายออกให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ด้วย ผู้ที่มีความเป็นครูสมบูรณ์ในตัวนอกจากจะมีความดีด้วยตนเอง แล้ว ยังจะช่วยให้ทุกคนที่มีโอกาสเข้ามาสัมพันธ์เกี่ยวข้องบรรลุถึงความดีความเจริญไปด้วย
       คุณลักษณะครูที่ดี
          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันได้พระราชทานพระบรมราโชวาท แก่ครูอาวุโสประจำปี ๒๕๒๒ เมื่อวันอังคารที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๓(สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา2541)  มีข้อความตอนหนึ่ง ที่แสดงถึงลักษณะครูดีไว้ดังนี้
“ ครูที่แท้จริงนั้นต้องเป็นผู้ที่กระทำแต่ความดี  คือ
-  ต้องหมั่นขยันอุตสาหะพากเพียร
-  ต้อง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และ เสียสละ
-  ต้องหนักแน่น อดทน อดกลั้น
- ต้องรักษาวินัยสำรวม ระวังความประพฤติของตนให้อยู่ในระเบียบแบบแผนที่ดีงาม
- ต้องปลีกตัวปลีกใจออกจากความสบาย และความสนุกสนานร่าเริงที่ไม่ควรแก่เกียรติภูมิของตน
- ต้องตั้งใจให้มั่นคงและแน่วแน่
- ต้องรักษาความซื่อสัตย์ รักษาความจริงใจ
- ต้องมีเมตตา และหวังดี
- ต้องวางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจอคติ
- ต้องมั่นอบรมปัญญาให้เพิ่มพูนสมบูรณ์ขึ้นทั้งในด้านวิทยาการ และความฉลาดรอบรู้ให้เหตุและผล”
      คุณลักษณะที่ดีของครู  หมายถึง เครื่องหมายหรือสิ่งที่ชี้ให้เห็นความดี  หรือลักษณะที่ดีของครูและเป็นลักษณะที่ต้องการของสังคม
      ลักษณะครูที่ดี ควรมีความรักและความเมตตาต่อศิษย์ มีความเสียสละ หมั่นเพียรศึกษา ปรับปรุงวิธีการสอน เพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ต้องมีความเข้าใจและเอาใจใส่ตัวศิษย์ทุกคนเป็นกำลังใจและช่วยสร้างแรงบัลดาลใจให้กับศิษย์เพื่อให้เขาเป็นคนใฝ่เรียนรู้ เป็นแบบอย่างที่ดีมีจรรยาบรรณในวิชาชีพครู มีจิตวิญญาณของความเป็นครู สามารถถ่ายทอดความรู้ได้เป็นอย่างดี  มีวิธีการสอนที่หลากหลาย มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความยุติธรรม ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รวมถึงยอมรับและเข้าใจความแตกต่างของเด็กแต่ละคนด้วย
2. ลักษณะครูที่ดีตามแนวความคิดทางศาสนา
      คำสอนในพระพุทธศาสนากล่าวถึง ครูหรือภาระหน้าที่ของครูการสอนของครูและลักษณะครูไว้หลาย หมวด ส่วนที่กล่าวถึงลักษณะของครูที่ดีคือคำสอนเรื่องกัลยาณมิตตธรรม 7 ซึ่งถือว่าเป็นหลักธรรมพื้นฐาน สำหรับความเป็นครูหลักธรรมนั้นมี7 ประการ คือ
      1. ปิยะ หรือ ปิโย แปลว่า น่ารัก หมายถึง ครูต้องท าตนให้เป็นคนน่ารักของลูกศิษย์คือ ต้องเป็นผู้มีเมตตารักเด็ก มากกว่ารักตนเอง มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสให้ความสนิทสนมแก่ศิษย์เพื่อให้ลูกศิษย์มีความสบายใจและกล้าที่จะ เข้าไปปรึกษาหารือเรื่องต่าง ๆ พูดจาอ่อนหวาน เอาใจใส่อบรมสั่งสอนให้ศิษย์เกิดความรู้และเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับเด็กได้ตลอดเวลา .การที่ครูจะเป็นที่รักแก่ศิษย์ได้ ก็ควรตั้งตนอยู่ในพรหมวิหาร 4 คือ
        1.1 มีเมตตา ปรารถนาดีต่อศิษย์ หาทางให้ศิษย์เป็นสุขและเจริญก้าวหน้าทั้งทางด้านวิชาการและการดำเนินชีวิต คอยระวังมิให้ศิษย์ตกอยู่ในความประมาท
        1.2 มีกรุณา สงสาร เอ็นดูศิษย์ อยากช่วยเหลือให้พ้นจากความทุกข์ ความไม่รู้
        1.3 มีมุทิตา คือ ชื่นชมยินดีเมื่อศิษย์ได้ดี และยกย่องเชิดชูให้ปรากฏเป็นการให้กำลังใจและช่วยให้เกิดความภูมิใจในตนเอง
        1.4 มีอุเบกขา คือ วางตัวเป็นกลาง จิตใจที่ตั้งอยู่ในความยุติธรรม ไม่ลำเอียง ไม่มีอคติ
    2. ครุ แปลว่า น่าเคารพ หมายถึง ครูจะต้องดูแลและปกครองศิษย์ให้ศิษย์มีความรู้สึกอบอุ่นใจเป็นที่พึ่งได้และ รู้สึกปลอดภัย ครูต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างแก่เด็ก มีเหตุผลและเป็นคนใจคอหนักแน่น ไม่เจ้าอารมณ์ เป็นคนเสมอตน้เสมอปลายในทุก ๆ เรื่อง .ที่จะช่วยให้ครู มีคุณสมบัติ ดังกล่าว คือ พละ 5 ประการ ได้แก่
        2.1 ศรัทธาพละ คือ มีความเชื่อในทางที่ชอบ เช่น เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
         2.2 วิริยะพละ คือ ความเพียรในทางที่ชอบ คือ เพียรเลิกละความชั่ว เพียรระวังความชั่วไม่ให้เกิดในสันดาน
         2.3 สติพละ หมายถึง ความระลึกได้ มีความรู้สึกตัวในการกระทำ การพูด การคิดให้รอบคอบ
         2.4 สมาธิพละ หมายถึง ความมีใจจดจ่อแน่วแน่มั่นคงในสิ่งที่เป็นบุญกุศล พลังสมาธินี้จะเป็นกำลังต่อต้าน ความฟุ้งซ่านมิให้เกิดขึ้นในใจ
         2.5 ปัญญาพละ หมายถึง ความรอบรู้ คือรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรควรทำอะไรควรเว้น อะไรเป็นประโยชน์ และอะไรไร้ประโยชน์
   3. ภาวนีโย แปลว่า น่าเจริญใจ น่ายกย่องในฐานะผู้ทรงคุณ หมายถึง ครูจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และภูมิปัญญา แท้จริงสนใจหาความรู้เพิ่มเติม ทั้งเป็นผู้ที่ฝึกอบรมและปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ ครูจะต้องฝึกตนให้เชี่ยวชาญใน วิชาการและให้มีสมรรถภาพในการทำงานอยู่เสมอ
  4. วัตตา แปลว่ารู้จักพูดให้ได้ผลรู้จักชี้แจงให้เข้าใจ หมายถึง ครูจะต้องรู้จักพูดใหศิษย์เข้าใจได้ตรงตามเป้าหมาย ที่วางไว้สอนในสิ่งที่ถูกต้องไม้บิดเบือน และครูจะต้องรู้จกัสอนด้วยความสนุกสนานเหมาะสมกับวัยของผู้เรียนด้วย
   เป็นผู้มีมานะในการตักเตือนสั่งสอน เพื่อให้ศิษย์มีความรู้ความสามารถ และเป็นคนดี คือใช้ความรู้ ความสามารถไปในทางสุจริต เป็นประโยชน์ ต่อตนเองและผู้อื่นได้
ลักษณะการสอนในแง่ของพุทธศาสนามี 5 ประการ คือ
          4.1 สันทัสสนา คือ สอนให้เข้าใจชัดเจน เห็นจริงอย่างที่ต้องการ ซึ่งจะต้องดำเนินไปตามลำดับขั้นดังนี้ คือ สอนจากสิ่งที่รู้แล้ว ไปหาสิ่งที่ยังไม่รู้ สอนจากสิ่งที่ง่ายไปหาสิ่งยาก สอนจากสิ่งที่เป็นรูปธรรมไปหาสิ่งที่เป็นนามธรรม
         4.2 สมาทปนา มีการกระตุ้นเร่งเร้า เพื่อให้เกิดความกระตือรืนร้นที่จะประพฤติปฏิบัติตามที่ครูสอน
          4.3 สมุตเตชนา สร้างกำลังใจ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ ไม่ครั่นคร้าม ต่อความยากลำบากหรืออุปสรรคใดๆ
          4.4 สัมปหังสนา สร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้เรียน คือมีเทคนิคในการสอนที่จะทำให้การเรียนการสอนน่าสนใจ
   5. วจนักขโม แปลว่า อดทนตนถ้อยคำ หมายถึง ครูต้องพร้อมที่จะรับฟังคำ ปรึกษาการซักถามคำเสนอแนะและคำวิพากษ์วิจารณ์ได้โดยไม่ฉุนเฉียวและสามารถควบคุมอารมณ์ได้ปกติเด็กย่อมมีความซุกซน น่ารำคาญ ครูจะรำคาญไม่ได้ต้องอดทนต่อสิ่งที่มากระทบ
  6. คัมภีร์รัญจกถัง กตัตา แปลว่า แถลงเรื่องลึกล้ำได้หมายถึง ครูต้องสามารถอธิบายเรื่องยุ่งยากซับซ้อนให้ เข้าใจได้ด้วย และช่วยให้ศิษย์เรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นด้วย รวมทั้งการอธิบายสาระสำคัญต่าง ๆ ของวิชาได้ ถูกต้องแม่นย า
ครูจะต้องมีวิธีที่จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจเรื่องยากๆ ได้โดยง่าย โดยวิธีการ ดังนี้คือ
         6.1 แสดงจุดเด่น หัวข้อสำคัญๆ หรือโครงสร้างของวิชานั้น เพื่อให้ ผู้เรียนเกิดความคิดรวบยอด ก่อนที่จะอธิบาย ในรายละเอียดต่อไป
          6.2 แสดงเหตุผลในวิชานั้น เช่น อธิบายจากเหตุไปสู่ผล อธิบายจากผลไปสู่สาเหตุ ยกตัวอย่างประกอบหรือ เปรียบเทียบกับเนื้อหาของวิชาอื่นๆ ที่ใกล้เคียง
           6.3 แสดงเนื้อหาที่เป็นแก่นหรือสาระสำคัญของวิชานั้นๆ ตลอดจนชี้ให้เห็นคุณค่าในเชิงปฏิบัติ เพราะผู้เรียน จะเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้นถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งใกล้ตัวสามารถนำมาปฏิบัติได้
7. โนจักฐาเนนิโยชเย แปลว่าไม่ชักนำในเรื่องเหลวไหล หมายถึง ครูไม่ชักจูงศิษย์ไปในทางที่เสื่อมเสีย ครูไม่ ประพฤติชั่ว ควรละเว้นอบายมุขทั้ง 6 อย่างได้แก่ การติดสุราและของมึนเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเล่น ติด การพนัน คบคนชั่วและเกียจคร้านในการงาน .วิธีการแนะนำศิษย์ไปใน ทาง ที่ถูกที่ควรนั้นมีอยู่ 3ประการคือ
             7.1 คิดหาวิธี ใช้วิธีขู่กำหราบ เป็นวิธีเตือนให้ศิษย์รู้สึกตัวและ ละความชั่ว กล่าวคือ เมื่อเห็นศิษย์ ประพฤติ ไปใน ทางที่ไม่ถูกไม่ควร
             7.2 นัคคหวิธี ใช้วิธียกย่องชมเชย เป็นการกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดนิสัยที่ดีและป้องกันไม่ให้เกิดนิสัยที่ไม่ดี เมื่อใด ที่เห็นศิษย์ทำความดีครูจะต้องยกย่องชมเชย
              7.3 ทิฎฐานคติวิธี ใช้วิธีกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ครูต้องการให้ศิษย์ประพฤติปฏิบัติอย่างไร ครูก็ต้องปฏิบัติตน เช่นนั้นให้ศิษย์ได้เห็นเป็นตัวอย่าง
             พุทธทาสภิกขุ ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับครูที่ดีไว้ในการบรรยาย ณ สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัด สุราษฎร์ธานี วันที่ 4-9 กันยายน 2527 สรุปได้ดังนี้คือ (สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, 2529 : 109 - 124)
    1. ครูดี คือ ผู้นำทางวัตถุ หมายถึง การเป็นผู้นำใน 4 ประการดังนี้ คือ
        1.1 เป็นผู้นำในการแสวงหาอย่างถูกต้อง ยึดหลักการแสวงหาอย่างสัตบุรุษไม่ก่อให้เกิดทุกข์ ทั้งแก่ตนเองและ ผู้อื่น ไม่กระทบกระทั่งให้ผู้อื่นเดือดร้อน
       1.2 เป็นผู้นำในการเสวยผลอย่างถูกต้อง หมายถึง ไม่ผูกขาดเอาผลที่ได้รับจากการแสวงหามาเป็นของตนแต่ ผู้เดียว แต่จะต้องเผื่อแผ่ไปให้แก่ผู้อื่นโดยรอบด้าน
       1.3 เป็นผู้นำในการเป็นอยู่อย่างถูกต้อง คือ ดำเนินชีวิตโดยปฏิบัติตามอริยมรรค อันมีองค์แปด ซึ่งเมื่อปฏิบัติ จนถึงที่สุดแล้วจะเกิดปัญญาเห็นธรรมชาติ ตามสภาพที่เป็นจริง คือ ความไม่มีตัวตน ทุกสิ่งเป็นเพียง ผลการปรุง แต่งของธาตุต่างๆ ตามธรรมชาติ และจะต้องเกิด-ดับ ไป ตามสภาพ จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราของเรา อันจะก่อให้เกิดความเห็นแก่ตัว และเบียดเบียนซึ่งกันและกัน
       1.4 เป็นผู้นำในการใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
 2. เป็นผู้นำทางวิญญาณ หมายถึง ความเป็นผู้นำในเรื่องจิตใจ 4 ประการดังนี้คือ
     2.1 มีความเข้าใจในกฏอิทิปปัจจัยตา คือ มองเห็นตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งในโลกนี้เป็นไปตามเหตุตาม ปัจจัย เมื่อมีเหตุมีปัจจัยอย่างไรก็มีผลไปตามเหตุตามปัจจัย
     2.2 มีความเข้าใจกฏตถตา ตถตาเป็นภาษาบาลี แปลว่า เป็นเช่นนั้นเอง คือ ทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นเองตามธรรมชาติ เช่น มีการเกิดก็ต้องมีตาย ในความสบายก็มีความเจ็บไข้ซ่อนอยู่ การเจ็บการตายล้วนเป็นเช่นนั้นเอง ตามธรรมชาติ ไม่ใช่โชคร้ายหรือเคราะห์ภัยอะไรทั้งสิ้น เป็นต้น
     2.3 มีความเป็นอยู่อย่างไม่มีอุปสรรค คือ ไม่ถือเอาอุปสรรคเป็นสิ่งขัดขวางหรือทำให้ท้อถอย แต่ให้ยินดีรับเอา อุปสรรคที่เกิดขึ้นในชีวิต ในการงานหรือในจิตใจมาเป็นบทเรียนที่จะช่วยให้มีความรู้มีประสบการณ์ และมีความ สามารถในเรื่องนั้นๆ ดียิ่งขึ้น
     2.4 มีความเป็นอยู่อย่างไม่มีทุกข์ ความทุกข์เกิดจากความไม่รู้ เช่น เมื่อมีความต้องการแล้วไม่เป็น ไปตาม ความต้องการที่เกิดความทุกข์ ถ้าไม่ต้องการให้เกิดทุกข์ก็ต้องให้ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่ต้องการให้มาก ไป กว่า ความเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยนั้น
 3. มีชีวิตเป็นธรรม คือ อยู่ด้วยธรรมและเพื่อธรรม หมายถึง ใช้กรรมเป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิตเพื่อ ให้ได้ผลคือธรรมที่พึงปรารถนา เช่น การดับทุกข์ ธรรมที่เป็นเครื่องมืออยู่มากมายเช่น ฆราวาสธรรม อัน เป็นธรรม สำหรับผู้ครองเรือนมี 4 ประการคือ
 1. สัจจะความจริง 2.ทมะความข่มใจ 3.ขันติความอดทน4.จาคะการเสียสละ การให้
          อิทธิบาท 4 คือ ธรรมที่ช่วยให้สำเร็จประโยชน์มี 4 ประการคือ
1. ฉันทะ ความพอใจในสิ่งนั้น             2. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
 3. จิตตะ ความเอาใจใส่ในสิ่งนั้น         4. วิมังสา ความสอดส่องค้นคว้าในสิ่งนั้น
         อย่าง ไรก็ตามธรรมบางประการก็เป็นได้ทั้งธรรมที่เป็นเครื่องมือ และธรรมที่เป็นผลเช่น ใช้ศีลเป็นเครื่องมือ ให้เกิดสมาธิ สมาธิจึงเป็นผลที่ต้องการ ขณะเดียวกันก็ใช้เป็นเครื่องมือให้เกิดผลคือปัญญา เป็นต้น
    4. มีอุดมคติ ครูดีจะต้องมีอุดมคติ 4 ประการ คือ
        4.1 ทำงานเกินค่า คือทำงานให้แก่โลกเกินค่าที่ได้รับตอบแทนจากสังคม เพราะครูเป็นผู้สร้างทางจิตใจ ซึ่งมีค่าเกินกว่าจะตีค่าเป็นเงิน
      4.2 ทำงานเพื่อหน้าที่มิใช่เพื่อตนเอง ไม่เห็นแก่ตัว และไม่หวังประโยชน์ส่วนตน
      4.3 ทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม ไม่หลงใหลในความสุขทางกาม ไม่ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ
      4.4 ทำงานเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้
                สรุป   ผู้เรียนหรือคนเรานั้นย่อมประกอบด้วยขันธ์ ๕ (คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ) ส่วนปัญหาพื้นฐานของผู้เรียนก็คือ ผู้เรียนนั้นมีอกุศลมูล (โลภะ โทสะ และโมหะ) อยู่มาก ถ้าผู้เรียนไม่เข้าใจวิธีที่จะลดหรือละอกุศลมูลลงได้บ้างแล้ว ก็จะเป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมด้วย กัลยาณมิตรธรรมนี้เป็นธรรมที่บ่งบอกลักษณะที่มีส่วนเกี่ยวกับการให้ความรู้ ความอบอุ่นและความมั่นใจแก่ศิษย์ หรือเป็นธรรมที่มีลักษณะเกี่ยวข้องกับการสั่งสอนศิษย์ กล่าวได้ว่า กัลยาณมิตร7 ย่อมเป็นครูที่มีคุณลักษณะดีนั่นเอง

3. ลักษณะครูที่ดีตามทัศนะของบุคคลต่างๆ
ทัศนะภายในประเทศ
     ดร. ธนูแสวงศักดิ์ (2505: 85-100) มีความเห็นว่าลักษณะของครูที่ดีมี 5 ประการ คือ
    1.มีความสัมพันธ์อันดีกับนักเรียน คือ ครูต้องสนใจเอาใจใส่ปัญหาของนักเรียนคอยตอบปัญหาต่าง ๆ ให้ชัดเจน แนะแนวไม่แสดงอารมณ์รุนแรงไม่เยาะเย้ย รู้จักระงับอารมณ์มีน้ำใจเป็นนักกีฬาอดทน วางตัวเหมาะสมกับเด็ก ไม่สนิทสนมเกินไป 
   2.มีความรักในอาชีพครูมีส่วนช่วยแนะน าเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนเสมอรับฟังคำแนะนำ ปรับปรุง ตนเองเสมอ ทันสมัยต่อความรู้และกิจกรรมของครูเห็นว่าอาชีพครูดีสอนไม่อมภูมิร่วมมือสนับสนุนสมาคม การศึกษาหรือวิชาชีพที่สนใจ ทา ตนให้เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ มีความสามารถในอาชีพ และใช้เวลาว่างให้ เป็นประโยชน์ในการสอน 
   3. มีจรรยาครูไม่แพร่ข่าวลือ ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ไม่ขโมยผลงานของผู้อื่น ไม่ให้ร้ายผู้อื่น มีมารยาทในการ ติดต่อราชการตามล าดับสายงาน ไม่อ้างอิงศาสนามาท าให้ศาสนาอื่นเสียหาย ปรับปรุงตัวเองเสมอไม่กวดวิชา นักเรียนตนเอง รักษาความลับของนักเรียนไม่โฆษณาชวนเชื่อไม่น าผู้อื่นมานินทาให้นักเรียนฟังไม่เรียกร้อง เงินเดือนเพื่อตัวเองไม่ใช้อิทธิพลส่วนตัวในทางราชการและปฏิบัติตามสัญญาที่ท าไว้กับราชการอย่างเคร่งครัด
   4.มีคุณสมบัติส่วนตัวดีมีความซื่อตรงสติปัญญาดีเชื่อมั่นในตัวเอง มีความคิดริเริ่มกระตือรือร้น คิด ปรับปรุงโรงเรียน เป็นกันเองกับนักเรียน รู้จักผ่อนหนักเป็นเบา มีน้ำใจจริงสุภาพอ่อนโยน สุขภาพดีรู้จักร่วมมือ ไม่ท ากริยาอาการอันน่าร าคาญพูดชัดแต่ไม่ตะโกน ตรงต่อเวลาให้คะแนนเที่ยงตรงเข้าใจกฎระเบียบ และปฏิบัติ โดยเคร่งครัด รู้จักรักษากลิ่นปากและกลิ่นตัว
   5.มีรูปร่างท่าทางดีมีใบหน้าสะอาด ตัดผมเรียบร้อย สุภาพ โกนหนวดโกนเคราให้เรียบร้อย เสื้อผ้า สะอาดเรียบร้อย รองเท้าขัดมันสะอาด สวมเสื้อผ้าเหมาะสมกับกาลเทศะรักษาท่าทางให้สง่างาม ไม่สูบบุหรี่หรือ เคี้ยวหมากฝรั่งหรืออาหารระหว่างสอน รักษานิ้วมือเล็บ ให้สะอาดอยู่ตลอดเวลารักษาฟัน ซ่อมฟันให้สะอาด เรียบร้อย แต่งกายสุภาพ รูปทรงสีสันเหมาะสมกับการเป็นครู
      จากทัศนะของบุคคลต่างๆ ที่กล่าวถึงลักษณะของครูที่ดีจึงสรุปได้ว่า ลักษณะของครูที่ดีมีดังนี้
                1 ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีของคนทั่วไป เป็นคนที่สุภาพเรียบร้อย  มีความประพฤติดีสม่ำเสมอ เหมาะเป็นตัวอย่างที่ดีต่อศิษย์
                2 เป็นคนตรงต่อเวลา  ข้อนี้สำคัญมากสำหรับครูไทยเลยค่ะ เพราะครูบางท่านจะเข้าสอนเลท (ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม) และจะสอนเกินเวลากินคาบต่อไปอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ควรตรงต่อเวลา ปลูกฝังให้เด็กรู้จักคุณค่าของเวลา และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆค่ะ
                3 การแต่งกายสุภาพเรียบร้อย
                4 บุคลิกภาพดี และการวางตัวดีรู้จักกาลเทศะ  การแต่งกายสุภาพเรียบร้อย สะอาดอยู่เสมอ ใส่เสื้อผ้าถูกต้องตามกาลเทศะ มีความเหมาะสมกับการเป็นครู พูดจาไพเราะ และมีลักษณะเป็นผู้นำ จะทำให้คุณครูเป็นที่น่าเคารพนับถือค่ะ                                     
                5 การเป็นผู้มีเหตุผล
                6 เป็นผู้ทีเมตตา
                7 เป็นผู้มีความรู้ดี มั่นศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เป็นผู้มีความรู้ ความเข้าใจ ทั้งด้านวิชาการ และความรู้กว้างขวางนอกเหนือไปจากความรู้เฉพาะ และสามารถแนะนำ ให้คำปรึกษาเด็กๆได้ทั้งเรื่องการเรียนและเรื่องอื่นๆ
                8 เป็นผู้มีความเสียสละ และจริงใจต่อตนเองและผู้อื่น มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ตอบแทนสังคม เพราะครูเป็นผู้สร้างทางจิตใจ ซึ่งมีค่าเกินกว่าจะตีค่าเป็นเงินเสียอีก
                9 เป็นผู้รู้จักเสียสละ
                10 รู้จักดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควร
           11 มีความขยันหมั่นเพียร ที่ทำงานในทางสุจริต เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อทุกคน ต่อหน้าที่การเรียนการสอน
                12 มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
                13 มีความรับผิดชอบ
                14 มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ ถึงแม้เราจะมีความรู้ในการสอนเด็กๆอยู่แล้ว แต่นั่นไม่เพียงพอหรอกค่ะ เพราะสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นควรศึกษาหาความรู้ ทันเทคโนโลยีใหม่ๆ และอย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง
                15 มีความยุติธรรม  มีความเป็นธรรมต่อนักเรียน เอาใจใส่และปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาค ตัดสินปัญหาด้วยความเป็นธรรม มีความเป็นกลาง ไม่ลำเอียง ไม่มีอคติใดๆ
                16 ยึดมั่นในการทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ
                17 ส่งเสริมในค่านิยมที่ถูกต้องและดีงาม
                18 เป็นครูที่พร้อมด้วย ภูมิความรู้ ภูมิธรรม และภูมิฐาน
                19 มีความมั่นคงทางอารมณ์  อย่าเคร่งเครียดเกินไปค่ะ ควรมีความร่าเริง แจ่มใสตามวัยที่เหมาะสม ครูที่ทำให้การสอนมีความสนุกสนาน เด็กๆจะชอบค่ะ เพราะจะทำให้พวกเขาไม่เครียด และสามารถสร้างความน่าสนใจให้กับบทเรียนได้อีกด้วย แต่ก็ต้องระวังอย่าตลกมากเกินไปจนไม่มีความน่าเชื่อถือนะคะ
                20 ทำหน้าที่สอนให้ลูกศิษย์เป็นคนดีมีความรู้ และคุณธรรม  การสอนที่ได้ผลและเป็นไปตามจุดมุ่งหมายที่แท้จริงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ค่านิยม ทัศนะคติของผู้เรียนในทางสร้างสรรค์ที่สังคมปรารถนา รู้จักตนเอง รู้จักชีวิต รู้จักนำความรู้ความเข้าใจและช่วยแก้ปัญหา และเสริมสร้างชีวิตของตนและสังคมให้ดีขึ้นนั้นคือการนำความ
4. ลักษณะครูที่ดีจากการวิจัย
           กรมการฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการ ได้ทำการวิจัยเรื่องของครูที่ดีโดยการสอบถามจากบุคคลหลายฝ่าย คือ นักเรียน ครู ผู้บริหารการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ ศึกษานิเทศก์ และผู้ปกครอง ใช้เวลาในการวิจัย พ.ศ.2518 – พ.ศ.2520  : ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ทำการวิจัยเรื่องลักษณะของครูที่ดีที่ได้กระทำในวงกว้าง ผลจากการวิจัยลักษณะของครูที่ดี สรุปผลได้ดังนี้ (กรมการฝึกหัดครู 2520 : 363 371 )
         1.ด้านคุณธรรมและความประพฤติ ได้แก่ ความเที่ยงธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต การตรงต่อเวลา ร่าเริงแจ่มใส รู้จักเสียสละ วาจาสุภาพเรียบร้อย เป็นกันเองกับเด็ก และเข้ากับเด็กได้ เป็นตัวอย่างในการประพฤติดี มีมนุษยสัมพันธ์ แต่งกายเรียบร้อย  มีบุคลิกลักษณะที่ดี  มีวาจาสุภาพอ่อนโยนเว้นจากอบายมุขต่างๆ ไม่ทำตัวเสเพล มีระเบียบวินัย อารมณ์มั่นคง มีความปรานี รู้จักปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นคนมีเหตุผล รู้จักสิทธิและหน้าที่
        2 ด้านความยึดมั่นในสัญชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นหลักสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นครูที่ให้การศึกษาแก่
อนุชนของชาติ ให้มีความรักและห่วงแหนในสิ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของความเป็นไทย
        3 ความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน รู้จักเตรียมการสอนเพื่อให้การสอนและการเรียนของนักเรียนบรรลุเป้าหมายที่ต้องการเอาใจใส่การสอน
อบรมความประพฤติและปลูกฝั่งค่านิยมดีงามให้แก่นักเรียน มีความขยันขันแข็ง มีความกระตือรือร้นในการทำงาน มีความศรัทธาต่ออาชีพครู อุทิศตัวเพื่อราชการ มีสุขภาพทางกายและจิตใจที่ดี รู้จักติดต่อกับผู้ปกครอง และพยายามเข้าใจเด็ก
        4 ความสามารถในการใช้ภาษาสื่อสาร รู้จักหลักการพูด การอภิปรายบทเรียนแจ่มชัด รู้จักใช้ภาษาถูกต้อง
        5 เอาใจใส่ค้นคว้าความรู้อยู่เสมอ รู้และตามความเคลื่อนไหวทางการศึกษาอยู่เสมอโดยเฉพาะแผนการศึกษาแห่งชาติและหลักสูตร รู้จักปรับวิธีการสอนแบบใหม่และเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา
    การเป็นครูสอนให้คนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์  คือ ความรู้คู่คุณธรรมมิใช่เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย การเป็นครูที่ดีต้องอาศัยความอดทน เสียสละ มีเมตตา ซึ่งเป็นคุณสมบัติเพียงส่วนหนึ่งของความเป็นครูที่ดี คุณลักษณะของครูที่ดีมีหลายประการ ซึ่งจะได้นำมากล่าวถึงลักษณะของครูที่ดีตามคำสอนในพุทธศาสนา
ลักษณะของครูที่ดี
     จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับลักษณะครูดีในประเทศไทยของนักการศึกษาหลายท่านดิเรก  พรสีมา  และคณะ  (2543)  พบว่าครูที่ดีควรมีลักษณะที่จำเป็น 3 ด้าน ดังนี้
1.  ด้านคุณลักษณะ
    1.1 ต้องมีความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู และพร้อมที่จะพัฒนาวิชาชีพของตนอยู่เสมอ
    1.2 ประพฤติตนเป็นแบบอย่างแก่ผู้เรียนทั้งด้าน ศีลธรรม วัฒนธรรม กิจนิสัย สุขนิสัย และอุปนิสัย มีความเป็นประชาธิปไตย
    1.3 ใฝ่หาความรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
    1.4 มีความเมตตาแก่ศิษย์ และเห็นคุณค่าของศิษย์
    1.5 มีสุขภาพสมบูรณ์
    1.6 มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ทางวิชาการสามารถใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้
    1.7 มีบทบาทในการพัฒนาชุมชน สามารถเป็นผู้นำชุมชนได้
    1.8 ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ภาษา และการวิจัยเพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตนเอง
    1.9 สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นครูแบบใหม่ในระบบสากลได้ คือ 
          1.เป็นครูที่เน้นความหลากหลายเพื่อตอบสนองต่อผู้เรียนเป็นหลัก แนะนำ ผู้เรียน สามารถพัฒนาเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพและสร้างสรรค์ และให้ข้อมูลสะท้อนกลับผู้เรียนได้ อย่างต่อเนื่อง
         2.รู้วิทยาการด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น เพราะการศึกษายุค ใหม่เป็นการศึกษาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิคส์มากขึ้น
        3.เป็นครูที่ต้องเข้าหาผู้เรียนและชุมชนได้มากขึ้น
2.  ด้านความรู้ของครู
      2.1 ครูต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ในวิชาที่สอนอย่างแท้จริง สามารถเชื่อมโยงทฤษฎีในศาสตร์ความรู้มาสู่การปฏิบัติได้ ทั้งการปฏิบัติในระดับสากลและในระดับท้องถิ่น
     2.2 มีความรู้ด้านการวิจัย วิทยาการคอมพิวเตอร์ และภาษาเพื่อเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้
     2.3 มีความรู้เรื่องเทคนิคการสอน จิตวิทยา การวัดผลและประเมินผล และสามารถประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
     2.4 รู้ข้อมูลข่าวสารรอบตัว และเรื่องราวในท้องถิ่น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และฝึกผู้เรียนคิดวิเคราะห์วิจารณ์ได้
3.  ด้านการถ่ายทอดของครู
      3.1 สามารถประยุกต์ใช้เทคนิคการสอนต่างๆ เพื่อจัดบรรยากาศการเรียนรู้ที่น่าสนใจ ทำให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาวิชาที่เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้นั้นสู่การนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการเรียนรู้ต่อไปได้
       3.2 สามารถอบรมนิสัยให้ผู้เรียนมีศีลธรรมวัฒนธรรม กิจนิสัย สุขนิสัย และอุปนิสัยรวมทั้งรักในความเป็นประชาธิปไตย เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข
       3.3 สามารถพัฒนาให้ผู้เรียนใฝ่รู้ ก้าวทันเทคโนโลยี ตลอดจนสามารถใช้ภาษาสื่อสารกันได้เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองอยู่เสมอ และสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการแสวงหาความรู้และเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
       3.4 สามารถพัฒนาให้ผู้เรียนมองกว้าง คิดไกล และมีวิจารณญาณที่จะวิเคราะห์และเลือกใช้ข่าวสารข้อมูลให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองได้
        3.5 พัฒนาผู้เรียนเรียนรู้เรื่องราวต่างๆของชุมชน สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาชุมชน  และแก้ปัญหาต่างๆในชุมชนได้
      สรุป ได้ว่าครูดีจะต้องมีคุณลักษณะที่ดีทั้งใจคือมีความศรัทธาในวิชาชีพครู  มีจิตใจเมตตา  มีศีลธรรม  และกายที่ดี  คือมีสุขภาพสมบูรณ์  พัฒนาตัวเองให้ทันต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนในปัจจุบัน  พร้อมทั้งพัฒนานักเรียนให้รู้และใช้เครื่องมือต่างๆ ในการแสวงหาความรู้ให้ตัวเองได้  ครูต้องเข้าใจชุมชน และเข้าหาชุมชนมากขึ้น  และสามารถให้นักเรียนนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้พัฒนาและแก้ปัญหาของชุมชนได้
            คณะกรรมการส่งเสริมวิชาชีพครูได้กำหนดว่าบุคคลที่ประกอบวิชาชีพครูควรมีความรักความเมตตาและความปรารถนาดี มีความเสียสละและอุทิศตนและเวลาเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้เจริญเติบโตและมีพัฒนาการในทุกด้าน ทั้งควรมีลักษณะอย่างน้อย 4 ประการ คือ 1 รอบรู้ 2 สอนดี 3 มีคุณธรรม
จรรยาบรรณ 4 มุ่งมั่นพัฒนา
                1 รอบรู้ คือ จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่เกิดขึ้นในสังคมของตนและของโลก
มีความรอบรู้ในวิชาชีพของตน เช่น ปรัญญาการศึกษา ประวัติการศึกษา หลักการศึกษานโยบายการศึกษา แผนและโครงการพัฒนาการศึกษา และจะต้องมี
ความรู้อย่างเชี่ยวชาญในเรื่องหลักสูตร วิธีสอนและวิธีประเมินผลการศึกษาในวิชาชีพ หรือกิจการที่ตนรับผิดชอบ
                2 สอนดี คือ จะต้องทำการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาการสอนให้สอดคล้องกับความสามารถ และความสนใจของนักเรียน อีกทั้งสามารถให้บริการแนะแนวในด้านการเรียนการครองตนและการรักษาสุขภาพอนามัย จัดทำและใช้สื่อการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสถานะการของบ้านเมือง
                3 มีคุณธรรมจรรยาบรรณ คือ มีศรัทธาในวิชาชีพครู ตั้งใจใช้ความรู้ความสามารถทางวิชาชีพเพื่อให้บริการแก่นักเรียนและสังคม มีความซื่อสัตย์
ต่อหลักการของอาชีพครูมีความรับผิดชอบในด้านการศึกษาต่อสังคม ชุมชน และนักเรียน มีความรัก ความเมตตาและความปรารถนาดีต่อนักเรียน อุทิศตนและ
เวลาเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้รับความเจริญเติบโตและพัฒนาการในทุกด้าน
                4 มุ่งมั่นพัฒนา คือ รู้จักสำรวจและปรับปรุงตนเอง สนใจใฝ่รู้ และศึกษาหาความรู้ต่างๆ รู้จักเพิ่มพูนวิทยฐานะของตน คิดค้นและทดลอง
ใช้วิธีการใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน และเป็นประโยชน์ต่อชุมชนด้วย
        สรุป  ครูเป็นผู้ให้กำเนิดพลเมืองที่ดี คือ ชุบพลเมืองให้เป็นนักรู้ นักทำงาน นักพูด นักเขียน นักตำรา นักประดิษฐ์ นักค้นคว้าเหตุผล นักปราชญ์ ฯลฯ เป็นต้น
  ความสามารถในการดำเนินการสอนงานครูนั้นถือว่าการสอนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และครูที่ดีจะติองมีความสามารถในวิทยาการหลายๆด้านเพื่อนำมาสั่งสอนศิษย์ได้
ลักษณะของครูที่ดี เรียงตามลำดับ คือ
 1.ความประพฤติเรียบร้อย                            2.ความรู้ดี
 3.บุคลิกการแต่งกายดี                                 4.สอนดี
 5.ตรงเวลา                                              6.มีความยุติธรรม
 7.หาความรู้อยู่เสมอ                                   8.ร่าเริงแจ่มใส
 9.ซื่อสัตย์                                               10.เสียสละ
      5.ลักษณะของครูดีตามอุดมคติ หมายถึง การเป็นครูที่สมบูรณ์ (perfect) เท่าที่คนที่เป็นครูจะทาได้ ถ้าผู้ใดสามารถบรรลุความสมบูรณ์ในระดับที่ไม่มีความจาเป็นจะต้อง ปรับปรุงสิ่งใดอีกแล้วนั้น คือ คนที่ได้ ชื่อว่าเป็นครูที่สมบูรณ์ตามอุดมคตินั่นเอง เฮลซอง และวีคส์ (Hessong and Weeks. 1987: 457-463) ได้แสดงความคิดเห็น เก่ียวกับครูในอุดม คติว่า ครูในอุดมคตินั้น ควรมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ คือ
ลักษณะของครูที่ดีตามแนวคิดในวงการการศึกษาตะวันตก
     1. มีความรอบรู้ (Being Knowledgeable) หมายถึง เป็นผู้มีความรู้ ความเข้าใจ ในวิชาการต่าง ๆ ที่ ได้ศึกษาเล่าเรียนมาจากมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดี และมีความแม่นยาใน วิชาที่จะสอน
    2. มีอารมณ์ขัน (Being Humorous) หมายถึง เป็นผู้มีความสามารถแสดง ความรู้สึกในสิ่งที่ทาให้ ขาขันหรือทาให้การสอนสนุกสนาน
    3. มีความยืดหยุ่นผ่อนปรน (Being Flexible) หมายถึง เป็นผู้มีความสามารถใน การเปลี่ยนแปลง แก้ไขปรับหรือเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
   4. มีวิญญาณความเป็นครู (Being Upbeat) หมายถึง เป็นผู้มีความรักในตัวเด็ก และยินดีเต็มใจใน ภารกิจทางการสอน
   5. มีความซื่อสัตย์ (Being Honest) หมายถึง เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อคน ทุกคน ต่อหน้าที่การ เรียนการสอน
  6. มีความสามารถทาให้เข้าใจได้ชัดเจนและรวบรัด (Being Clear and Concise) หมายถึง เป็นผู้มี ปฏิภาณไหวพริบดีหรือเป็นผู้มีความสามารถในการใช้ภาษาทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนรวมทั้งการ แสดงออกทางภาษาท่าทาง หรือกริยาอาการ เพื่อให้เกิดการ สื่อสารความหมายที่ถูกต้อง
  7. เป็นคนเปิดเผย (Being Open) หมายถึง เป็นผู้ที่เต็มใจเปิดเผยเรื่องราวให้ ผู้อื่นรับรู้และรู้จักรับ ความคิดของผู้อื่นด้วย
  8. มีความอดทน (Being Patient) หมายถึง เป็นผู้ที่มีความเพียรพยายามหรือขยันขันแข็งในการงาน
  9. ทาตัวเป็นแบบอย่างที่ดี (Being a Role Model) หมายถึง เป็นผู้ที่กระทาตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี งามแก่ศิษย์และสังคม ลูกศิษย์ต้องมีแบบอย่างที่ถูกต้องดีงามเพื่อเป็น แนวทางในการดารงชีวิตของตน
  10. สามารถนาความรู้ทางทฤษฎีไปปฏิบัติได้ (Being Able to Relate Theory to Practice) หมายถึง เป็นผู้นาเอาความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาเล่าเรียนในสถาบันการศึกษาไปใช้ในโรงเรียนจริง ๆ ให้เกิดผลอย่าง มีประสิทธิภาพซึ่งบางครั้งสภาพความจริงอาจจะไม่เหมือนกับทฤษฎีที่เรียนมาครูต้องสามารถประยุกต์ ทฤษฎีไปใช้ได้อย่างเหมาะสม
  11. มีความเชื่อมั่นในตนเอง (Being Self-Confident) หมายถึง การทดสอบตัวเอง และพัฒนาความ เชื่อมั่นในตนเอง โดยการสั่งสมประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสอน ให้มากที่สุด ครูต้องเชื่อมั่นใน สิ่งที่ตนสอนด้วย
  12. มีความสามารถพิเศษในศิลปะและวิทยาการหลาย ๆ ด้าน (Being Diversified) หมายถึง เป็นผู้ มีความสามารถพิเศษในหลาย ๆ ด้าน เช่น การเขียนภาพระบายสี ดนตรี กีฬา ความรู้เครื่องยนต์กลไก การ ใช้คอมพิวเตอร์ หรืองานอดิเรกอื่น ๆ ความรู้พิเศษเป็น ความสามารถเฉพาะตัวที่จะช่วยให้ผู้ประกอบ วิชาชีพครูอาจจะต้องใช้เพื่อช่วยให้งานใน หน้าที่ครูมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  13. แต่งกายเรียบร้อย สะอาด สง่าผ่าเผย และมีสุขอนามัยส่วนตัวดี (Being Well Groomed and Having Good Personal Hygiene) หมายถึง การแต่งกายสุภาพเรียบร้อย สะอาดอยู่เสมอ ใส่เสื้อผ้าถูกต้องตาม กาลเทศะ และมีความเหมาะสมกับการเป็นครู หรือ ตามรูปแบบท่ีทางสถานศึกษาได้กาหนดไว้ นอกจากนี้ สุขภาพทางร่างกายและจิตใจของครูก็ มีผลทาให้การสอนประสบความสาเร็จด้วย
       สรุป
                -  มีความรู้ดี ซึ่งได้แก่ ความรู้ในวิชาการทั่วไป ความรู้ในเนื้อหาวิชาที่จะสอน ความรู้ในวิชาครู ความรู้ในหน้าที่และงานครูทุกประการ
                - มีทักษะในการสอนและการปฏิบัติงานครู เช่น อธิบายเก่ง สอนสนุก ใช้สื่อและอุปกรณ์เสมอ จัดกิจกรรมสร้างบรรยากาศได้น่าเรียน เร้าพฤติกรรม ตลอดจนชี้แนะแนวทางในการศึกษา จนนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง โดยใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นต้น
                - มีคุณธรรมนิยม อันได้แก่ คุณธรรมของครู จริยธรรม และคตินิยมในความเป็นครู เช่น ภาคภูมิใจที่ได้เป็นครู มีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพครู รักการสอน พอใจที่ได้ทำประโยชน์แก่การดำเนินชีวิตของศิษย์ ช่วยพัฒนาคนและสังคม ตลอดจนมีวิญญาณแห่งความเป็นครู
               ในทัศนะของครูที่ดีซึ่ง ส. ศิวรัตน์ (2516: 26-42) ดังกล่าวถึงลักษณะของครูไทยในอุดมคติไว้ดังนี้
     1 รู้วิชาที่ตนสอนเป็นอย่างดี
     2 ส่งเสริมให้นักเรียนสนใจการเรียน
     3 ชอบวิชาที่ตนสอน
     4 มีความจำดีพอสมควร
     5 มีความรับผิดชอบงาน
                สรุป ครูจะต้องพัฒนาและสามารถความเชื่อมั่นในตนเองโดยการสั่งสมประสบการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการสอนให้มากที่สุด และครูจะต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองสอน
    สรุปคุณลักษณะของครูที่ดี
         คุณลักษณะของครูที่ดีนั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น เป็นครูต้องมีความรู้ความสามารถ รู้และ เข้าใจอย่างลึกซึ้งเพื่อที่จะสามารถนาความรู้นี้ไปสอนศิษย์ได้ ต้องมีความอดทนต่อหน้าที่ ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ ดีให้แก่ศิษย์  มีระเบียบวินัยความประพฤติ ทั้งทางกายและวาจาและใจ ที่แสดงถึงความเคารพในกฎหมาย ระเบียบประเพณีของสังคม และความประพฤติที่สอดคล้องกับอุดมคติหรือความหวังของตนเอง โดยให้ยึด ส่วนรวมสำคัญกว่าส่วนตัว วางตำให้เหมาะสม ครูต้องเป็นผู้มีความคิดริเริ่ม วิจารณ์และตัดสินอย่างมีเหตุผล หมายถึง ต้องมีความประพฤติในลกัษณะสร้างสรรค์และปรับปรุงมีเหตุมีผลในการทา หนา้ที่การงานการที่จะ สอนศิษย์ใ์ห้ดีได้ ครูจะต้องทำให้ได้เสียก่อน ต้องเป็นผูเสียสละ ครูต้องเป็นที่พึ่งให้แก่ศิษย์ได้และขอ้สำคัญคือ ครูต้องมีความสำนึกในหน้าที่และการงานต่าง ๆ รวมไปถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ
    ลักษณะของครูที่ดีจากการศึกษาวิเคราะห์ประวัติครูดีเด่น
                ธีรพงศ์ แก่นอินทร์   นิราศ  จันทรกิจ  และสมคิด  ธนะเรืองสกุลไทย (2529:86-102) ได้ศึกษาคุณลักษณะของครูโดยการศึกษาวิเคราะห์ประวัติครูดีเด่นจากหนังสือประวัติครูจำนวน24คน พบว่า คุณลักษณะของครูที่ได้ศึกษาและวิเคราะห์มาได้พบว่าคุณลักษณะเด่นของครูที่ดีอันพึงมีประจำใจ มีดังต่อไปนี้
            1.มีความตั้งใจทำงานอย่างจริงจังด้วยความรัก ละรับผิดชอบ
            2.มีความขยันขันแข็ง
            3.มีความเสียสละ
            4.เป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียน
            5.อุทิศเวลาให้แก่งานราชการ
            6.มีกิริยามารยาทเรียบร้อย
            7.มีความเมตตากรุณา มีความซื่อสัตย์สุจริต
            8.มีอารมณ์แจ่มใสร่าเริง มีอัธยาศัยดี
            9.มีความเป็นผู้นำ มีขันติ รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มีระเบียบวินัย
                สามารถแบ่งเป็นลักษณะสำคัญๆได้ 3ด้าน ดังนี้
   1.ภูมิรู้ ความสามารถทางด้านวิชาการที่จะสอน ตลอดจนการเป็นผู้ที่มีสติปัญญาดี
   2.ภูมิธรรม การประพฤติดี เว้นจากอบายมุขทั้งปวง
  3.ภูมิฐาน มีบุคลิกดีรูปร่างท่าทางดี แต่งกายสะอาดเรียบร้อย พูดจาไพเราะนุ่มนวล
                สรุป คุณลักษณะของครูที่ดีนั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ผู้ประกอบวิชาชีพครูต้องมีความตั้งใจและความมุ่งมั่นเท่านั้น ฉะนั้นผู้ประสงค์จะประกอบวิชาชีพครูทุกคนสามารถฝึกฝนและปรับปรุงตนเองให้เป็นครูที่ดีได้ด้วยความพากเพียรและสม่ำเสมอ
                ลักษณะของครูที่ดีตามเกณฑ์มาตรฐานของคุรุสภา
         รายละเอียดเกี่ยวกับคุณลักษณะ พฤติกรรมหลัก และพฤติกรรมบ่งชี้ตามเกณฑ์ มาตรฐานวิชาชีพครู ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 หมวด มีดังต่อไปนี้
  หมวดที่ 1 รอบรู้ สอนดี ประกอบด้วย คุณลักษณะ พฤติกรรมหลัก และ พฤติกรรมบ่งชี้ ดังต่อไปนี้
    1. ด้านความรู้และความสามารถในวิชาชีพครู ได้แก่
       1) รู้แผนการศึกษาแห่งชาติ: รู้นโยบายการศึกษาที่ตนรับผิดชอบ, รู้จุดมุ่งหมายของการศึกษา
       2) รู้หลักสูตร คือ
         - รู้หลักการ รู้จุดมุ่งหมาย และโครงสร้างของหลักสูตร
         - รู้แผนพัฒนาและนโยบายหลักของท้องถิ่น หรือจังหวัดที่ปฏิบัติ
   -สามารถปรับหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาแสภาพ แวดล้อมของท้องถิ่น 
   - เข้าใจหลักสูตรและสามารถเชื่อมโยงหลักสูตรกับการสอนในระดับ ต่าง ๆ ได้
     3) รู้เนื้อหาวิชาที่สอน คือ
  - มีความแม่นยำ และละเอียดลึกซึ้งในเนื้อหาวิชา และปรับปรุง ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
  - ผ่านการศึกษาหรือผ่านการอบรมในวิชาที่สอน
  - จัดทำเอกสารประกอบการสอนและคู่มือในวิชาที่ตนรับผิดชอบ
  - ศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับเนื้อหาวิชาที่สอน
  - สามารถประยุกต์ความรู้ไปใช้ในการสอน
     4) ทำการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ คือ
- เตรียมการสอนล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ ครบทุกขั้นตอน
- วางแผนและจัดสภาพแวดล้อมของห้องเรียนได้เหมาะกับการเรียนรู้ ของผู้เรียน
- นำหลักจิตวิทยามาใช้ในการเรียนการสอน สอดคล้องกับพัฒนาการ ของผู้เรียน
- ใช้ภาษาไทยสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง ทั้งการพูด การเขียน การ ถ่ายทอดความรู้ การ ใช้คำถาม การออกความคิดเห็น และการอภิปราย
- ใช้สื่อการเรียนการสอนได้สอดคล้องกับจุดประสงค์และเนื้อหาวิชาที่สอน
- รู้วิธีสอนหลายรูปแบบและเลือกมาสอนได้ถูกต้องและเหมาะสมกับผู้เรียน
- ใช้คำถามทำให้เด็กคิดเป็น
- จัดทำกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     5) รู้หลักการวัด และประเมินผล คือ
 - มี ความรู้เกี่ยวกับลักษณะแบบทดสอบตามหลักการวัดผล ประเมินผล และสามารถออกข้อสอบและปรับปรุงแบบทดสอบ รวมทั้งนำมาใช้ได้ จริง เหมาะสมกับระดับชั้นของผู้เรียน
- ใช้การวัดและประเมินผลหลาย ๆ วิธีให้เหมาะสมกับสภาพการเรียนรู้
- ดำเนินการวัดผลและประเมินผลได้ถูกต้อง มีคุณภาพ
- นำผลการวัดและประเมินผลมาปรับปรุงการเรียนการสอน
     6) สอนซ่อมเสริม คือ
- วิเคราะห์วินิจฉัยปัญหาและความต้องการจำเป็นของผู้เรียน
- สามารถใช้วิธีสอนซ่อมเสริมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน
     7) การพัฒนาการสอน คือ
- ใช้ระบบข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนการสอนให้เป็นประโยชน์
-วิจัยการเรียนการสอนและหรือนำผลการวิจัยมาใช้ปรับปรุงวิธีการสอนแก้ปัญหาการเรียนการสอน
- เผยแพร่เทคนิควิธีการสอนใหม่ๆ ตลอดจนผลงานทางวิชาการให้แก่เพื่อนครูตามสมควร
            2. ด้านสนับสนุนการเรียนการสอน
  1) บริการเชิงแนะแนว
  - สังเกตและรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
  - บันทึกระเบียนประวัตินักเรียน
  - จัดกิจกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ในการแก้ปัญหา
  - ใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาให้นักเรียน
  - ให้ความสนใจดูแลและช่วยเหลือด้านสุขภาพ อนามัย และความ ปลอดภัยของนักเรียน
  - บริการสนเทศ

    2) บริการด้านกิจการนักเรียน
          - เป็นอาจารย์ที่ปรึกษากิจกรรมชมรมของนักเรียน และกิจกรรมพิเศษ
          - จัดกิจกรรมเพื่อสร้างคุณลักษณะประชาธิปไตย
          - จัดกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมจริยธรรม
          - จัดกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
     3) บริการด้านสื่อการเรียนการสอน
        - ดูแลบำรุงรักษาอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนให้อยู่ในลักษณะ ใช้การได้
        - จัดมุมห้องสมุดหรือมุมเสริมประสบการณ์
        - จัดสื่อที่ส่งเสริมความถนัด ศิลปะ ดนตรี กีฬา แก่ผู้เรียน
       4) งานธุรการ
        - ทำเอกสารประจำชั้นได้ดี และเป็นปัจจุบัน
        - จัดเก็บระเบียนสะสมนักเรียน เอกสาร เป็นหมวดหมู่และเป็นระบบ
        - มีเอกสารหลักฐานการติดต่อระหว่างครูกับผู้ปกครอง
                3. ด้านรอบรู้สถานการณ์บ้านเมืองและความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
         1. ติดตามความเคลื่อนไหวและสถานการณ์ของบ้านเมืองในปัจจุบัน
           - ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ทั้งด้านการศึกษา การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
         2. จับประเด็นปัญหาและความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของสังคมได้
           - วิเคราะห์และให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวสารและประเด็นปัญหาต่าง ๆ ได้
           - พยายามใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร และการสรุปประเด็นปัญหา ที่สำคัญมาใช้ในการเรียนการสอน
                หมวดที่ 2 มีคุณธรรม จรรยาบรรณ ประกอบด้วย คุณลักษณะ พฤติกรรมหลัก และพฤติกรรมบ่งชี้ ดังต่อไปนี้
                1. มีความเมตตากรุณา
              - มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานและสังคม ไม่นิ่งดูดายและ เต็มใจช่วยเหลือตามกำลังความสามารถ
              - มีความสนใจและห่วงใยในการเรียนและความประพฤติของผู้เรียน แนะนำ เอาใจใส่ช่วยเหลือเด็ก และเพื่อนร่วมงานให้ได้รับความสุข และพ้นทุกข์ เป็นกันเองกับผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้สึกเปิดเผย ไว้วางใจและเป็นที่ พึ่งของผู้เรียนได้
                2. มีความยุติธรรม
               - มีความเป็นธรรมต่อนักเรียน เอาใจใส่และปฏิบัติต่อผู้เรียนและเพื่อน ร่วมงานทุกคนอย่างเสมอภาคและไม่ลำเอียงตัดสินปัญหาของผู้เรียนด้วยความเป็นธรรมมีความเป็นกลาง ยินดีช่วยเหลือผู้เรียน ผู้ร่วมงานและ ผู้บริหารโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
                3. มีความรับผิดชอบ
               - มุ่งมั่นในผลงานมีวิธีการที่จะปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ วางแผนการ ใช้เวลาอย่าเหมาะสมและปฏิบัติงานได้ทันเวลา ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและมี ประสิทธิภาพ
                4. มีวินัย
               - มีวินัยในตนเอง ควบคุมตนเองให้ปฏิบัติตนอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม มีวิธีทำงานที่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่นได้
                - ปฏิบัติตามกฎและระเบียบของหน่วยงานและสถานศึกษา
                5. มีความขยัน
           - มีความตั้งใจกระตือรือร้นและปฏิบัติงานเต็มความสามารถอย่างสม่ำเสมอไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคในการทำงาน
           - มีความพยายามที่จะสอนเด็กให้บรรลุจุดมุ่งหมาย
                6. มีความอดทน
            - อดทนเมื่อเกิดอุปสรรค ปฏิบัติงานเต็มที่ไม่ทิ้งขว้างกลางคัน
            - มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ไม่โกรธง่ายและสามารถควบคุม อารมณ์ได้อย่างเหมาะสม อดทนอดกลั้นต่อคำวิพากษ์วิจารณ์
                7. มีความประหยัด
             - รู้จัก ประหยัดอดออม ช่วยรักษาและใช้ของส่วนรวมอย่างประหยัดไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินฐานะของตน รู้จักเก็บออมทรัพย์ เพื่อความมั่นคงของฐานะ
             - ใช้ของคุ้มค่าช่วยรักษาและใช้ของส่วนรวมอย่างประหยัด
                8. มีความรักและศรัทธาในอาชีพครู
      - เห็นความสำคัญของอาชีพครูสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรวิชาชีครูเข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาชีพครู ร่วมมือและส่งเสริมให้มีการพัฒนา มาตรฐานวิชาชีพครู
      - รักษาชื่อเสียงวิชาชีพครูตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลดีและเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ รักษาความสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในหน้าที่ การงานปกป้องและสร้างความเข้าใจอันดีต่อสังคมเกี่ยวกับวิชาชีพครู
     - เกิดความสำนึกและตระหนักที่จะเป็นครูที่ดี ปฏิบัติตนให้เหมาะสมที่เป็นปูชนียบุคคล
                9. มีความเป็นประชาธิปไตยในการปฏิบัติงานและการดำรงชีวิต
  - รับฟังความคิดเห็นและข้อโต้แย้งของผู้อื่น เปิดโอกาสให้ผู้อื่นแสดงความ คิดเห็น
       - มีเหตุผล ยอมรับและปฏิบัติตามความคิดเห็นที่มีเหตุผลโดยคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักใช้หลักการและเหตุผลในการตัดสินใจและแก้ปัญหา
                หมวดที่ 3 มุ่งมั่นพัฒนา ประกอบด้วยคุณลักษณะ พฤติกรรมหลักและพฤติกรรมบ่งชี้ ดังต่อไปนี้
   1. การพัฒนาตนเอง
          1. รู้จักสำรวจและปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ
            - รับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์และนำมาปรับปรุงตนเอง
            - ประเมินผลและปรับปรุงการทำงานของตนเองตลอดเวลา
            - ยอมรับความเปลี่ยนแปลงและปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมอย่างมีเหตุผลทางคุณธรรม
            2) สนใจใฝ่รู้
         - ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่งความรู้ต่างๆ
         - เข้าร่วมประชุมสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และความคิด
         - สนใจติดตามเหตุการณ์ปัจจุบัน และติดตามความเคลื่อนไหวทางการศึกษา
             3) เพิ่มพูนวิทยฐานะ
     - สนใจกระตือรือร้นในการที่จะเข้ารับราชการอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอน
              4) คิดค้นคว้าวิทยาการใหม่ ๆ
     - คิดเทคนิควิธีการสอนหรือประดิษฐ์ผลงานแปลกใหม่มาใช้ในการเรียน การสอน
     - นำผลที่ได้จากการทดลองมาปรับปรุงใช้พัฒนางานและเผยแพร่ให้เป็น ประโยชน์ต่อการเรียนการสอน
 2. การพัฒนาชุมชน
   -  บำเพ็ญประโยชน์แก่ชุมชน
   -  เข้าร่วมประชุมกิจกรรมของชุมชนตามความเหมาะสม
                สรุป กระบวน การที่ถูกต้องในการพัฒนาบุคลากร จะต้องมีความเชื่อในเรื่องว่ามนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ยิ่งใช้ยิ่งมีคุณค่า บนพื้นฐานของความแตกต่างของบุคคล แต่สิ่งที่สำคัญในกระบวนการพัฒนาบุคลากรและขาดไม่ได้นั่นคือการบ่ม เพาะ/สร้างผู้สอนและผู้แนะนำงาน/ผู้ถ่ายทอด ให้มีจิตใจพร้อมที่จะทำหน้าที่ด้วย ความรัก ความศรัทธา ความเชื่อ ในบทบาทหน้าที่ที่แท้จริง
         สรุปเนื้อหาลักษณะของครูที่ดี                            
                ลักษณะของครูที่ดีนั้นมีมากมายหลายแบบ และการที่จะยอมรับว่า ครูที่ดีจะต้องมี ลักษณะอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแต่ละบุคคล แต่เมื่อพิจารณาโดยทั่วไปแล้ว ก็สามารถสรุปได้ว่า ครูที่ดีควรจะประกอบด้วยคุณลักษณะที่สำคัญ ๆ คือ
                1. บุคลิกภาพดี คือ รูปร่างท่าทางดี แต่งกายสะอาด สุภาพเรียบร้อย พูดจา ไพเราะ และมีลักษณะเป็นผู้นำ
                2. มีความรู้ดี มีความคิดสร้างสรรค์ เชื่อมั่นในตนเอง กระตือรือร้นและสุขภาพ แข็งแรง
                3. การสอนดีและปกครองดี คือ อธิบายได้แจ่มแจ้งชัดเจนครบทุกกระบวนความ สอนสนุกสนาน ปกครองดูแลนักเรียนให้อยู่ในระเบียบวินัยที่ดีงาม
                4. ความประพฤติดี คือ เว้นจากอบายมุขทุกอย่าง ทำแต่ความดีทั้งกาย วาจา ใจ มีคุณธรรมและจริยธรรมสูง มีความซื่อสัตย์ เสียสละ มีเมตตากรุณา มีความยุติธรรม และ มีมานะอดทน
                5. มีมนุษย์สัมพันธ์อันดี คือ มีอัธยาศัยไมตรีกับคนทุกเพศทุกวัยและทุกฐานะ และมีน้ำใจเป็นประชาธิปไตย
                คุณครู เป็นปูชนียบุคคลที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง จะเป็นรองก็แต่คุณพ่อคุณแม่เท่านั้น  คนไทยเรามีอัธยาศัยน่ารัก ต่างจากชนชาติอื่นอยู่อย่างหนึ่งคือ เมื่อจะไปสมัครเป็นศิษย์ของท่านผู้ใด ก็ไม่ใช่เพียงมุ่งแต่จะไปถ่ายทอดคัดลอกวิชาความรู้จากครูอาจารย์ เสร็จแล้วก็ตีเสมอ แต่ตั้งใจจริงจะไปมอบตัวเองเป็นลูกเต้าของท่านด้วย ไทยเราจึงนิยมใช้คำเต็มอย่างภาคภูมิว่า “ลูกศิษย์” หมายถึง ยินยอมมอบตัวลงเป็นทั้งลูกทั้งศิษย์ของท่านผู้เป็นครู
คุณลักษณะของครูที่ดี 10 ประการ
1. ความมีระเบียบวินัย หมายถึง ความประพฤติ ทั้งทางกายและวาจาและใจ ที่แสดงถึงความเคารพในกฎหมาย ระเบียบประเพณีของสังคม และความประพฤติที่สอดคล้องกับอุดมคติหรือความหวังของตนเอง โดยให้ยึดส่วนรวมสำคัญกว่าส่วนตัว
2. ความซื่อสัตย์สุจริตและความยุติธรรม หมายถึง การประพฤติที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ไม่เอาเปรียบ หรือคดโกงผู้อื่นหรือส่วนรวม ให้ยึดถือหลักเหตุผล ระเบียบแบบแผนและกฎหมายของสังคมเป็นเกณฑ์
3. ความขยัน ประหยัด และยึดมั่นในสัมมาอาชีพ หมายถึง ความประพฤติที่ไม่ทำให้เสียเวลาชีวิตและปฏิบัติกิจอันควรกระทำให้เกิดประโยชน์แก่ตนและสังคม
4. ความสำนึกในหน้าที่และการงานต่าง ๆ รวมไปถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ หมายถึง ความประพฤติที่ไม่เอารัดเอาเปรียบสังคมและไม่ก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่สังคม
5. ความเป็นผู้มีความคิดริเริ่ม วิจารณ์และตัดสินอย่างมีเหตุผล หมายถึง ความประพฤติในลักษณะสร้างสรรค์และปรับปรุงมีเหตุมีผลในการทำหน้าที่การงาน
6. ความกระตือรือร้นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีความรักและเทิดทูน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หมายถึง ความประพฤติที่สนับสนุนและให้ความร่วมมือ ในการอยู่ร่วมกันโดยยึดผลประโยชน์ของสังคมให้มากที่สุด
7. ความเป็นผู้มีพลานามัยที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ หมายถึง ความมั่นคงและจิตใจ รู้จักบำรุงรักษากายและจิตใจให้สมบูรณ์ มีอารมณ์แจ่มใสมีธรรมะอยู่ในจิตใจอย่างมั่นคง
8. ความสามารถในการพึ่งพาตนเองและมีอุดมคติเป็นที่พึ่ง ไม่ไว้วานหรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นโดยไม่จำเป็น
9. ความภาคภูมิและการรู้จักทำนุบำรุงศิลปะ วัฒนธรรม และทรัพยากรของชาติ หมายถึง ความประพฤติที่แสดงออกซึ่งศิลปะและวัฒนธรรมแบบไทย ๆ มีความรักและหวงแหนวัฒนธรรมของตนเองและทรัพยากรของชาติ
10. ความเสียสละ และเมตตาอารี กตัญญูกตเวที กล้าหาญ และความสามัคคีกัน หมายถึง ความประพฤติที่แสดงออกถึงความแบ่งปัน เกื้อกูลผู้อื่น ในเรื่องของเวลากำลังกายและกำลังทรัพย์
  คุณลักษณะ 10 ประการนี้ เป็นทั้งแนวทางและเป้าหมายในการจัดการศึกษาและอบรมสั่งสอนนักเรียน ของสถานศึกษาทุกระดับและเจ้าหน้าที่ในสถานศึกษาต้องถือปฏิบัติด้วยเช่นกันผู้บริหารการศึกษาคือผู้ที่เป็นหัวหน้าสถานศึกษา คือ ครู อาจารย์ ผู้อำนวยการ และรวมไปถึงผู้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วย หรือรองของตำแหน่งผู้บริหารทุกระดับเป็นผู้มีความสำคัญต่อการจัดการและพัฒนาจริยศึกษาในสถานศึกษาเป็นอย่างยิ่งเพราะผู้บริหารการศึกษาเป็นทั้งผู้นำและเป็นผู้วางแผนการต่าง ๆ ในการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนทั้งหลายได้รู้จักและเข้าใจในหลักจริยธรรม ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาในระดับใดดังนั้นผู้บริหารจึงมีคุณธรรมและ จริยธรรมตามที่กำหนดไว้สำหรับอบรมสั่งสอนนักเรียนนักศึกษาครบทุกข้อโดยเฉพาะคุณธรรมและจริยธรรมเป็นธรรมที่ผู้บริหารทุกคนจะต้องปฏิบัติและตระหนักอยู่ในใจเสมอ คือ
1. การมีความละอายในการทำความชั่ว ทำความทุจริตทั้งปวงและเกรงกลัวและสะดุ้งกลัวต่อความชั่วทั้งปวง ซึ่งคุณธรรมข้อนี้ช่วยให้โลกมีความเป็นระเบียบบเรียบร้อยไม่เดือดร้อนวุ่นวาย
2. การมีความอดทน รู้จักอดกลั้นต่อแความยากต่าง ๆ ที่คนอื่นมีต่อตนและมีความสงบเสงี่ยม และความอ่อนน้อมถ่อมตน
3. มีสติสัมปชัญญะเต็มเป็นอยู่ตลอดเวลา รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนสม่ำเสมอ ไม่มีการลืมตัวหรือละเลยต่อหน้าที่ต่าง ๆ
4. รู้จักอุปการะ คือ ทำคุณประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น นึกถึงประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง พร้อมที่จะให้ความอนุเคราะห์แก่ผู้อื่น ในงานในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน ไม่มีอคติในการปฏิบัติต่อผู้ร่วมงานต่อศิษย์ หรือ นักเรียนและบุคคลอื่น ๆ
5. มีคุณธรรมประจำตน ในการที่ทำการงานในหน้าที่ของตนให้สำเร็จ(อิทธิบาท) 4 ประการมีความพอใจและเอาใจใส่ในหน้าที่การงานของตน มีความพากเพียรในการประกอบการงาน เอาใจใส่ในการงานไม่ทอดทิ้งและหมั่นตริตรองพิจารณาหาเหตุผลและวิธีที่จะทำให้การงานเจริญก้าวหน้าอยู่เสมอ
6. มีคุณสมบัติอันประเสริฐ (พรหมวิหาร) 4 ประการ คือ มีความเมตตา ปรารถนาจะให้ผู้อื่นเป็นสุข มีความกรุณา สงสาร คิดหาทางให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์ มีมุทิตาปราบปลื้มยินดีในความสำเร็จ ความก้าวหน้าของผู้อื่นและมีอุเปกขา ความวางเฉย เห็นอกเห็นใจผู้ได้รับความทุกข์
7. มีคุณธรรมที่เป็นเครื่องผูกน้ำใจผู้อื่นและบุคคลทั่วไป(สังคหวัตถุ) ๔ ประการอยู่เป็นการประจำ คือ ให้ปันสิ่งของแก่บุคคลที่ควรให้ปัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อ แผ่แก่ผู้อื่นตามสมควรแก่กรณี(ทาน) มีวาจาอ่อนหวาน สุภาพเรียบร้อย(ปิยวาจา) ประพฤติตนเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อผู้อื่นและเป็นคนไม่ถือตัวไม่ถือยศศักดิ์ เข้ากันได้กับผู้ร่วมงานทุกคน ตามความเหมาะสมตามฐานะของตน (สมานัตตา)
8. หมั่นศึกษาหาความรู้รอบตัว ให้มีความรอบรู้ เพื่อเป็นผู้ที่ทันต่อเหตุการณ์ บุคคลและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหน้าที่การงาน(พาหุสัจจะ)
9. ประพฤติตนให้ห่างจากอบายมุขหรือทางแห่งความเสื่อมต่าง ๆ ไม่กระทำตนให้เป็นผู้เบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น ผู้ร่วมงาน หรือนักเรียน นักศึกษาทุกคน และบุคคลทั่วไป (ชำเลือง วุฒิจันทร์; 2524 น. 117119) กรรมการฝึกหัดครู (กระทรวงศึกษาธิการ กรมการฝึกหัดครู 2515 : 1415)ได้กำหนดเกี่ยวกับสมรรถภาพในการเป็นครูว่าครูที่มีสมรรถภาพสูงนั้นควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
1. ทำการสอนให้เป็นอย่างดี
2. สามารถทำการอบรม แนะแนว และปกครองได้เป็นอย่างดี
3. ทำกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี
4.สร้างสัมพันธภาพได้เป็นอย่างดีและร่วมมือกับชุมชน
5. เป็นครูชั้นอาชีพโดยรู้จัก
1. เพิ่มพูนความรู้ให้แก่อาชีพอยู่เสมอ
2. เป็นสมาชิกที่ดีของทางวิชาการ
3. ยึดถือแบบธรรมเนียมของผู้เป็นครู
4. ช่วยเหลือแนะนำครูใหม่
    สาโรจ บัวศรี ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับการเป็นครูที่ดีในด้านสมรรถภาพว่าต้องมี
คุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
     1. สามารถทำการสอนได้เป็นอย่างดี โดยรู้จัก
      1.ใช้หลักจิตวิทยาแห่งการเรียน
      2.ใช้หลักการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็ก
     3.ทำบรรยากาศที่เหมาะสมที่จะเกิดการเรียนรู้
     4.วางแผนสำหรับการสอนอย่างถี่ถ้วน
     5.ใช้วิธีการสอนแบบต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
     6.ใช้แบบทดสอบชนิดต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมเพื่อวัดผลการเรียนวิเคาะร์แก้ไขและรู้จักวัดผลโดยทั่วไป 7.ปกครองชั้นและบริหารงานต่าง ๆ ของชั้นได้อย่างเรียบร้อยและราบรื่น ทำงานธุรการของโรงเรียนได้
2.สามารถอบรมแนะแนว และปกครองได้เป็นอย่างดี โดยรู้จัก
    1.หลักการที่ว่า ถ้าทุกคนสร้างคุณธรรมและหลักธรรมต่าง ๆ ไว้ประจำตัวได้แล้ว
    2.ใช้หลักการและวิธีการของการแนะแนว
    3.สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบิดามารดาและผู้ปกครอง
    4.ใช้ผลของการวิจัย และผลของการทดสอบต่าง ๆ ให้เป็นประโยชน์ในการอบรม
3.สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี โดยรู้จัก
   1. ร่วมในการวางแผนจัดการ กิจกรรมในหลักสูตร หรือกิจกรรมร่วมหลักสูตรชนิดต่าง ๆ
   2. รับหน้าที่และภาวะในการปฏิบัติกิจกรรมเหล่านั้นตามแผน
   3. รักษาสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ร่วมงานทั้งปวงของโรงเรียน
4.สามารถสร้างสัมพันธภาพที่ดีและร่วมมือกับชุมชนเป็นอย่างดี โดยรู้จัก
   1.ช่วยเหลือชุมชนในการแก้ไขปัญหาของชุมชน
   2.ทำให้ชุมชนเข้าใจโรงเรียน และสนับสนุนในทางที่เหมาะสม
   3.หาความร่วมมือจากมารดาบิดาของผู้ปกครอง
   4.หาบุคคลอื่น และสิ่งต่าง ๆ ในชุมชนที่เป็นประโยชน์ในการสอน
   5.ร่วมมือกับทางราชการปรับปรุงชุมนุมชน
5.สามารถเป็นครูชั้นอาชีพ โดยรู้จัก
   1.เพิ่มพูนความรู้ให้แก่อาชีพครู โดยการเขียน การพูด การค้นคว้า การวิจัยการเป็นสมาชิกที่ดีของสมาคม หรือสถาบันทางการศึกษา
   2.ยึดถือขนบธรรมเนียมของผู้เป็นครู และช่วยเหลือส่งเสริมเพื่อนครู
   3.ส่งเสริมตัวเองให้งอกงามในทางวิชาการ ศึกษาอยู่เสมอ
   4.ช่วยเหลือแนะนำผู้ที่เข้ามาเป็นครูใหม่ในโรงเรียนของตน
ธนู แสวงศักดิ์ มีความเห็นว่าลักษณะของครูที่ดีนั้นควรมี 5 ประการ ดังนี้
1. มีความสัมพันธ์กับนักเรียนดี คือ ครูจะต้องสนใจ เอาใจใส่ต่อปัญหาของนักเรียน คอยตอบปัญหาให้กระจ่าง แนะแนว รู้จักระงับอารมณ์ อดทน วางตัวเหมาะสม ไม่สนิทสนมกับเด็กมากเกินไปไม่ทำให้ขายหน้า รู้จักเปิดโอกาสให้นักเรียนประเมินผลการสอน และให้กำลังใจให้นักเรียนอย่างมีเหตุผล
2. มีความรักในอาชีพครู มีส่วนช่วยแนะนำเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนอยู่เสมอ ทันสมัยต่อความรู้และกิจกรรมของครู
3.ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ มีความสามารถในอาชีพ
4. มีจรรยาครู ไม่แพร่ข่าวลือ ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ไม่ขโมยผลงานของคนอื่น ไม่ให้ร้ายผู้อื่น มีมารยาทในการติดต่อสายงานทางด้านราชการไม่นำผู้อื่นมาพูดให้นักเรียนฟัง
5. มีคุณสมบัติส่วนตัวดี มีสติปัญญาดี มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความคิดริเริ่ม มีความกระตือรือร้น เป็นกันเองกับนักเรียน
6. มีรูปร่างท่าทางดี มีใบหน้าสะอาด ตัดผมเรียบร้อยสุภาพ เสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย และเหมาะกับกาละเทศะ รักษาท่าทางให้สง่างาม ไม่สูบบุหรี่ หรือรับประทานอะไรระหว่างที่ทำการสอนอยู่
คุณลักษณะที่ดีของครูที่ดีจากผลการวิจัย
ฝ่ายโครงการของวิทยาลัยครูบ้านเจ้าพระยา ได้ทำการวิจัยเรื่องลักษณะของครูที่สังคมต้องการ โดยนักเรียน ครู ผู้ปกครอง ในเขตกรุงเทพฯ เป็นกลุ่มตัวอย่าง ได้สรุปผล ดังนี้
1. ด้านความประพฤติควรมีความประพฤติที่ดีเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก ๆ และสังคม
2. ด้านความรู้ทางด้านวิชาการ ควรมีความรู้กว้างขวางนอกเหนือไปจากความรู้เฉพาะ
3. ด้านการสอนต้องรู้จักพัฒนาปรับปรุงการสอนของตนให้ได้ผลดี
4. ด้านการปกครองนักเรียน ควรฝึกนักเรียนให้มีวินัยควบคู่ไปกับการอบรมทางศีลธรรม
5. ด้านมนุษย์สัมพันธ์ของครู ครูควรสร้างความเข้าใจและคุณความดีของสังคม
6. ด้านบุคลิกภาพของครู ครูควรแต่งกายเหมาะสม มีอารมณ์มั่นคง มีเสียงพูดชัดเจน และมีลักษณะของความเป็นผู้นำ
7. ด้านการทำงานนอกเวลา และงานอดิเรกของครู เห็นว่าครูควรทำได้ไม่กฎหมาย หรือขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม
    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ดวงอาทิตย์

         ดวงอาทิตย์   (The Sun)   คือดาวฤกษ์ที่อยู่ตรงศูนย์กลางของระบบสุริยะ   มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 ล้านกิโลเมตร หรือ 109 เท่าของเส...