วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562

ข้อสอบ


ข้อสอบ

1. ข้อใดกล่าวถึง หลักการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ไม่ถูกต้อง
      ก. ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
      ข. เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
      ค. มีเอกภาพด้านนโยบาย หลากหลายในการปฏิบัติ ***
   ง. การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ 

2. การศึกษาที่เนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความ
ต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
      ก. การศึกษาในระบบ
   ข. การศึกษานอกระบบ***
     ค. การศึกษาตลอดชีวิต
    ง. การศึกษาตามอัธยาศัย

3. ข้อใดเป็นความหมายของ ผู้สอน
    ก. ครูและอาจารย์ในสถานศึกษาของรัฐระดับต่างๆ
   ข. ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาของรัฐระดับต่างๆ
   ค. ครูและคณาจารย์ที่สอนในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ
   ง. ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ***

4. การศึกษาในระบบมีกี่ระดับ
    ก. 2 ระดับ ข. 3 ระดับ
    ค. 4 ระดับ ง. 5 ระดับ

5. ข้อใดไม่ใช่สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
   ก. โรงเรียน
   ข. มหาวิทยาลัย***
   ค. ศูนย์การเรียน
   ง. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

6. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของการศึกษา ที่เป็นแนวคิดของจอห์น ดิวอี้
   ก. การศึกษา คือ ชีวิต
   ข. การศึกษา คือ ความเจริญงอกงาม
   ค. การศึกษา คือ การลงทุน***
   ง. การศึกษา คือ การสร้างประสบการณ์

7. การศึกษาคือการลงทุน เป็นแนวคิดของนักการศึกษาท่านใด
   ก. คาร์เตอร์ วี. กู๊ด    ข. ชุ้ลซ์***
   ค. รุสโซ                   ง. จอห์น ดิวอี้

8. Education is life เป็นแนวคิดของนักการศึกษาผู้ใด
   ก. รุสโซ         ข. อริสโตเติล
   ค. ดิวอี้ ***     ง. ซุลซ์

9. ข้อใดหมายถึงปรัชญาการศึกษาลัทธิสารัตถนิยม
   ก. Existentiallism
   ข. Reconstructionnism
   ค. Essentialism ***
   ง. Perennialism

10. ใครเป็นผู้เริ่มแนวคิดการศึกษาปรัชญาการศึกษาสารัตถนิยม
    ก. ซี แบกเล่ย์*** ข. โรเบิร์ต เอ็ม ฮัทซิน
   ค. เฟลอเบล          ง. ยอร์ช เอส เค้าทส์

11. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 ใช้ครบทุกชั้นทั่วประเทศในปีการศึกษาใด
   ก. ปีการศึกษา 2553 ข.ปีการศึกษา 2554
   ค. ปีการศึกษา 2555 *** ง. ปีการศึกษา 2556

12. ข้อใดกล่าวถึงวิสัยทัศน์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 ได้ถูกต้อง
   ก. มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา
   ข. ให้มีผู้เรียนมีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพและการศึกษาต่อ
    ค. มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้คุณธรรม
    ง. ถูกทุกข้อ***

13. หลักการของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กำหนดไว้กี่ข้อ
   ก. หลักการ 4 ข้อ       ข. หลักการ 5 ข้อ
   ค. หลักการ 6 ข้อ*** ง. หลักการ 7 ข้อ

14. ข้อใดไม่ใช่หลักการของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551
    ก. ความเป็นเอกภาพของชาติ
   ข. สนองต่อการกระจายอำนาจ
   ค. มีความสำนึกในความเป็นพลเมืองไทย***
   ง. เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

15. หลักการสำคัญประการแรกของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 คือข้อใด
   ก. การกระจายอำนาจ
   ข. การศึกษาเพื่อปวงชน
   ค. เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
   ง. ความเป็นเอกภาพของชาติ***

16. วิสัยทัศน์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียน
เป็นสำคัญ บนพื้นฐานแนวคิดใด
   ก. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
   ข. มนุษย์มีความแตกต่างระหว่างบุคคล
   ค. การอยู่ร่วมกันอย่างรู้รักสามัคคีและสมานฉันท์
   ง. ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ***

17. จุดหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กำหนดไว้กี่ข้อ
    ก. กำหนดไว้ 3 ข้อ       ข. กำหนดไว้ 4 ข้อ
    ค. กำหนดไว้ 5 ข้อ*** ง. กำหนดไว้ 9 ข้อ

18. ข้อใดกล่าวถึงจุดหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 ไม่ถูกต้อง
   ก. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์
   ข. มีความรู้ความสามารถในการสื่อสาร การอ่าน คิดและวิเคราะห์และแก้ปัญหา***
   ค. มีสุขภาพและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัยและรักการออกกำลังกาย
   ง. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม

19. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน กำหนดไว้กี่ประการ
   ก. กำหนดไว้ 3 ประการ
   ข. กำหนดไว้ 4 ประการ
   ค. กำหนดไว้ 5 ประการ ***
   ง. กำหนดไว้ 6 ประการ

20. ข้อใดไม่ใช่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
   ก. ความสามารถในการสื่อสาร
   ข. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
   ค. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
   ง. ความสามารถในการวิเคราะห์ ***


ทักษะประยุกต์สำหรับการทำงาน: การใช้โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล


ทักษะประยุกต์สำหรับการทำงาน: การใช้โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล

วัตถุประสงค์การเรียนรู้
วัตถุประสงค์การเรียนรู้ทักษะประยุกต์สำหรับการทำงาน: การใช้โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถ
1) ใช้โปรแกรมสร้างเว็บ โดยการ
  • ออกแบบหน้าเว็บเพจได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
  • แทรกวัตถุหน้าเว็บเพจได้ถูกต้องตามคู่มือการใช้งาน
  • เผยแพร่หน้าเว็บเพจได้ถูกต้องตามคู่มือการใช้งาน
2) ใช้สื่อดิจิทัลเพื่อการทำงาน โดยการ
  • เลือกใช้สื่อดิจิทัลได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
  • จำแนกรูปแบบสื่อดิจิทัลได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
  • ใช้งานสื่อดิจิทัลได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
3) ใช้โปรแกรมตกแต่งภาพ โดยการ
  • บันทึกรูปภาพจากแหล่งต่างๆได้ตามลักษณะการใช้งาน
  • ปรับแต่งรูปภาพได้ถูกต้องตามคู่มือการใช้งาน
  • บันทึกรูปภาพเพื่อสั่งพิมพ์ได้ถูกต้องตามคู่มือการใช้งาน
4) ใช้โปรแกรมจับการทำงานของหน้าจอ โดยการ
  • ใช้โปรแกรมจับการทำงานของหน้าจอได้ตามคู่มือการใช้งาน
  • บันทึกไฟล์จากโปรแกรมจับการทำงานของหน้าจอได้ตามคู่มือการใช้งาน
5) ใช้โปรแกรมตัดต่อสื่อภาพเคลื่อนไหว โดยการ
  • ตัดต่อสื่อภาพเคลื่อนไหวได้ตามชนิดไฟล์ได้ตามลักษณะการใช้งาน
  • ใช้งานโปรแกรมตัดต่อสื่อภาพเคลื่อนไหวได้ตามคู่มือการใช้งาน
  • บันทึกสื่อภาพเคลื่อนไหวได้ตามคู่มือการใช้งาน

เทรนด์การเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล


เทรนด์การเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล
          ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้ รูปแบบการเรียนรู้สำหรับคนรุ่นใหม่ เปลี่ยนแปลงไปแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะการเรียนรู้รูปแบบออนไลน์
          1. สถานการณ์และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่
          สภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันในยุคของข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีเป็นส่วนผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษา ตลาดแรงงาน อาชีพใหม่เกิดขึ้น อาชีพเก่าบางอาชีพจะลดความสำคัญลง ปริมาณความรู้มีอัตราการเติบโตสูง ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลให้เกิดแนวโน้มที่ชัดเจนเกี่ยวกับความจำเป็นของกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งรูปแบบการศึกษาแบบเก่าอาจไม่สามารถรองรับการสร้างอาชีพให้กับคนรุ่นใหม่ตลอดชีวิตได้อีกต่อไป ผู้ประกอบอาชีพต้องปรับตัวและพร้อมเรียนรู้ใหม่อยู่เสมอ อุตสาหกรรมต้องพัฒนาทักษะของลูกจ้างให้เหมาะสม รูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับยุคข้อมูลข่าวสารคือ รูปแบบที่สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ซึ่งมวลชนหมู่มากสามารถเรียนรู้ได้แต่ต้องเรียนรู้อย่างเหมาะสมกับความสนใจและความสามารถของแต่ละบุคคลด้วย ทำให้เกิดรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ อาทิ หลักสูตรออนไลน์แบบเปิดสำหรับมวลชน (MOOCs) หรือช่องทางการเรียนรู้อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง วีดิทัศน์ สื่อสังคม เกม จึงนับเป็นโอกาสดีของคนรุ่นใหม่ในการเลือกรูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตนเองได้
          Platform ออนไลน์ ที่มีความนิยม มีตัวอย่างที่เป็นที่ประสบความสำเร็จ มีการใช้โดยแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ มีความสอดคล้องกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ มีโอกาสสูงที่คนรุ่นใหม่จะเข้าถึงได้ และมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเรียนรู้ในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ หลักสูตรออนไลน์แบบเปิด Massive Open Online Courses (MOOCs) สื่อวีดิทัศน์ (Youtube) เกมคอมพิวเตอร์ (Games)  สื่อสังคม (Social Media) สื่อทางเสียง (Audiobooks and Podcasts)
          2. พฤติกรรมและความต้องการการเรียนรู้ ของคนรุ่นใหม่
          จากการสำรวจพฤติกรรมกลุ่มตัวอย่างคนรุ่นใหม่ (Gen Y, Gen Z) พบว่าความรู้ที่คนกลุ่มนี้ต้องการเพิ่มเติมได้แก่ ทักษะความรู้ในการทำงาน ทักษะชีวิตและความรู้ในชีวิตประจำวัน ตามลำดับ โดยวิธีหาความรู้เพิ่มเติมนิยมการเรียนรู้โดยใช้สื่อ (เช่น หนังสือ นิตยสาร โทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ)  นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างทุกช่วงวัยเห็นว่าสาเหตุที่เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ออนไลน์ ได้แก่ การไม่มีอินเตอร์เน็ต รองลงมาคือปัญหาด้านภาษาที่สื่อส่วนใหญ่มีเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ สำหรับความเห็นเกี่ยวกับการใช้สื่อออนไลน์เห็นควรให้มีหัวข้อการเรียนรู้ที่หลากหลาย จัดทำสื่อที่มีรูปภาพมากๆ เนื้อหาที่เป็นตัวอักษรน้อย และผู้สอนสื่อออนไลน์ควรมีความรู้ในเรื่องที่สอน จะช่วยกระตุ้นให้สื่อออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตน่าสนใจและเข้าไปใช้มากขึ้น
          จากการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มผู้เรียน กลุ่มผู้สอน กลุ่มผู้ผลิตสื่อ และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในตลาดแรงงาน เกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ พบว่า ปัญหาอุปสรรคในการเรียนรู้มีความสัมพันธ์กับเรื่องความแตกต่างทางทัศนคติ รสนิยมและวิจารณญาณของแต่ละบุคคล ซึ่งมีผลมาจากการพัฒนาทักษะด้านการคิดวิเคราะห์  สำหรับสื่อการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการเรียนรู้เป็นการผสมผสานระหว่างสื่อที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบในการเรียนรู้ สามารถเรียนรู้ร่วมกันได้ง่าย เช่น วีดีโอ Social Media ร่วมกับสื่อแบบดั้งเดิมอย่างหนังสือ  การพัฒนาทักษะด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน การถ่ายทอด เป็นสิ่งสำคัญ รวมทั้งทักษะที่จำเป็นในการทำงานเช่น ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ ทักษะการเรียนรู้ค้นคว้าด้วยตนเอง และปฏิบัติงานจริง  การปรับทัศนคติและยอมรับความแตกต่างจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันที่ดีได้  แรงบันดาลใจและการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายได้ทดลองปฏิบัติจริงจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้  การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงมือปฏิบัติและสร้างสภาวะของการแข่งขันมีส่วนช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการเรียนรู้
          3. แนวโน้มอนาคต
          จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีประกอบกับแรงผลักดันทางด้านเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในช่องทางการเรียนรู้ทุกรูปแบบ  เทคโนโลยีที่เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทำให้เกิดการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอย่างมากในทุก platform การกำเนิดของ AI ที่คิดอ่านแทนมนุษย์ได้ในบางเรื่อง เช่น ระบบพี่เลี้ยงอัตโนมัติที่ใช้ข้อมูลจากระบบวิเคราะห์ข้อมูลในการให้คำแนะนำผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกัน โปรแกรมพูดคุยอัตโนมัติ (chatbot) รวมถึงระบบเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing economy) ทำให้เกิดแนวโน้มทางด้าน Crowdsourcing ซึ่งแบ่งได้ในกลุ่มหลักๆ ได้แก่ การรวบรวมข้อมูลและสติปัญญา การรวบรวมแรงงาน การรวบรวมเงินทุน การรวบรวมผู้คนเพื่อความรู้สึกเป็นชุมชน การรวบรวมองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียนที่มีความรู้และประสบการณ์หลากหลาย
          แนวโน้มทางด้านบูรณาการระหว่าง platform ออนไลน์จะทำให้เกิดรูปแบบ platform การเรียนรู้ที่มีการผสมผสานมากขึ้น อาทิ MOOCs หลักสูตรออนไลน์มีการใช้ platform อื่นเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้อย่างเผยแพร่วีดิทัศน์บน Youtube ใช้เกมเพื่อดึงดูดเนื้อหา เป็นต้น 
          สำหรับแนวโน้มการเกิดอาชีพใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี รูปแบบการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไป อาทิ ครูชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงในการสอนแต่ละวิชาใน MOOCs นักจัดรายการเพื่อการเรียนรู้ทั้งบนสื่อวีดิทัศน์และสื่อทางเสียง นักวิจารณ์รายการอื่น (Commentator หรือ recommender) เป็นต้น
          4. การนำมาใช้ในสังคมไทย
          การนำ Platform การเรียนรู้แต่ละชนิดมาปรับใช้ ควรคำนึงถึงการเลือกสื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและบริบท รวมทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสื่อการเรียนรู้อย่างเต็มที่ โดยมีตัวอย่างแนวคิดการส่งเสริมการนำไปใช้ประโยชน์ ได้แก่ ส่งเสริมให้ประชาชนรู้จัก MOOCs ภาษาไทยและของต่างประเทศ การจับคู่ผู้เรียนให้เรียน MOOCs ไปด้วยกัน ควรจัดให้มีระบบพี่เลี้ยง พัฒนาหลักสูตร MOOCs ร่วมกับภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น การส่งเสริมสื่อวีดิทัศน์ อาทิ รวบรวมและเผยแพร่ช่องทางการเรียนรู้ที่เป็นภาษาไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ส่งเสริมให้มีการแปลช่องความรู้จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย จัดอบรมเทคโนโลยีพื้นฐาน การถ่ายทอดสดเพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการ เป็นต้น การส่งเสริมการใช้เกมคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนรู้โดยส่งเสริมการคิดอย่างเป็นระบบและการคิดเชิงคำนวณโดยใช้เกม หรือใช้เทคโนโลยีของเกมอย่าง AR VR ในการส่งเสริมการเรียนรู้  การใช้สื่อสังคมเพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้อย่างเทคโนโลยีและเครื่องมือสำหรับช่วยทำ chatbot เพื่อช่วยกิจกรรมการเรียนรู้ การส่งเสริมการใช้สื่อทางเสียงเพื่อการสร้างความเท่าเทียมกันในการเรียนรู้สำหรับคนทุกกลุ่ม ส่งเสริมให้คนไทยรู้จักแหล่งหนังสือเสียงภาษาไทย ส่งเสริมการให้บริการหนังสือเสียงในห้องสมุด เป็นต้น

สื่อการเรียนรู้ดิจิทัล เพื่อการเรียนรู้ไร้ขีดจำกัด


สื่อการเรียนรู้ดิจิทัล เพื่อการเรียนรู้ไร้ขีดจำกัด Digital Learning Launchpad

          Digital  learning Launchpad เป็นการพัฒนาเป็นเว็บแอพลิเคชั่นที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรวบรวมและจัดทำสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลในรูปแบบ ข้อความ รูปภาพ และ Video Tutorial ที่ช่วยสนับสนุนการเรียน การสอน มีเป้าหมายในการบริการที่สนับสนุนการเรียนรู้ของผู้ใช้บริการ การออกแบบและพัฒนาอ้างอิงจากปัญหาและข้อคำถามที่ผู้ใช้บริการถามเข้ามาบ่อยครั้งจากช่องทางการสื่อสารต่างๆ ได้แก่ e-mail, facebook, twitter, Line และ Live Chat เป็นต้น Digital  learning Launchpad ประกอบด้วย 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ Plagiarism Checking Search Smarter Enhancing Research Impact และ Publication ในแต่ละหัวข้อประกอบด้วย การสรุปเนื้อหาสาระของสื่อการเรียนรู้แต่ละหัวข้อและสื่อดิจิทัลมัลติมีเดีย เช่น รูปภาพ และ Video Tutorial เป็นต้น ซึ่งผลที่ได้จากการประยุกต์ใช้นวัตกรรมบริการนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการให้สามารถเข้าถึงและสามารถเรียนรู้ได้อย่างอิสระบนสภาพแวดล้อมที่เป็นดิจิทัล มีความสะดวก รวดเร็ว และทันเวลา สามารถทบทวนความรู้และเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยสนับสนุนการเรียน การสอนและการวิจัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการให้บริการ ช่วยให้บรรณารักษ์มีเวลาในการพัฒนาสมรรรถนะและขีดความสามารถของตนเองให้พร้อมออกให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการและประสบการณ์ของผู้ใช้บริการที่มีความคาดหวังต่อตัวผู้ให้บริการที่สูงขึ้นในปัจจุบัน รวมไปถึงสามารถสร้างสรรค์และพัฒนาการบริการใหม่ๆ ในการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


ตรวจสอบและทบทวน


ตรวจสอบและทบทวน
          ในการเขียนแผนจัดการเรียนรู้ขั้น การประเมินการเรียนรู้อิงมาตรฐาน ปฏิบัติการเขียนแผนจัดการ เรียนรู้ด้วยการเขียนระดับคุณภาพของผลการเรียนรู้ (abrics) ซึ่งอาจใช้แนวทางการกําหนดระดับคุณภาพของ สมรรถนะตามแนวคิด SOLO Taxonomy การเรียนรู้อย่างลุ่มลึก ไม่ใช่เรียนแบบผิวเผิน หรือแนวทางอื่น ๆ

การประเมินอิงมาตรฐาน (Standard Based Assessment)

ให้นักเรียนประเมินผลตนเองโดยพูดแสดงความรู้สึกหลังการเรียนในประเด็น ดังนี้
          1 สิ่งที่ได้จากการเรียน
          2 สิ่งที่ประทับใจในการเรียน
          3 สิ่งที่ต้องการทราบเพิ่มเติม
             ครูถามนักเรียนว่า วัสดุอะไรบ้างสามารถนำไฟฟ้าได้และฉนวนไฟฟ้าได้
           
  ครูประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้
                             - สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
                             - สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
                   - ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
                   - ประเมินคุณลักษณ์อันพึงประสงค์ของนักเรียน
                   - ประเมินสมรรถนะสำคัญ

ตรวจสอบและทบทวน


ตรวจสอบและทบทวน
          ในการเขียนแผนจัดการเรียนรู้ขั้น การประเมินเพื่อปรับปรุงการสอน ปฏิบัติการเขียนแผนจัดการ เรียนรู้ด้วยใช้กระบวนการของทบทวนตนเองหลังสอน ที่ช่วยให้เข้าใจการเรียนการสอน ในการตอบสนอง ความต้องการ 4 ประการ คือ ด้านวัตถุประสงค์ ด้านค่านิยม ด้านประสิทธิผล และด้านความพึงพอใจในตนเอง



 บันทึกหลังการสอน
          1. บันทึกผลการเรียนรู้
.......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
          2. ปัญหาและอุปสรรค
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
          3. ข้อเสนอแนะ
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
                                                                ลงชื่อ……………….………………......ผู้สอน
                                                                         นางสาวชไมพร สุทธิบ่าว
                                                                        ............./.............../............

ข้อเสนอแนะ
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
                                                                                                ลงชื่อ...........................................................
                                                                      อาจารย์ธิดาพร สวยสะอาด
                                                                      หัวหน้ากลุ่มสาระวิชาวิทยาศาสตร์
                                                                         ............./.............../............


ข้อเสนอแนะ
.......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
                                                                                                ลงชื่อ.......................................................
                                                                       นายจำลอง ภูคานา
                                                       ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนนามนวิทยาคาร          
                                                                     ............./.............../............

ประเมินหลังการสอนตามหัวข้อดังนี้
                             - สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
                             - สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
                   - ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
                   - ประเมินคุณลักษณ์อันพึงประสงค์ของนักเรียน

                   - ประเมินสมรรถนะสำคัญ

ตรวจสอบและทบทวน


ตรวจสอบและทบทวน
          ในการเขียนแผนจัดการเรียนรู้ขั้น การบูรณาการความรู้ ปฏิบัติการเขียนแผนจัดการเรียนรู้ด้วยการ สร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน หรือกระบวนการเรียนการสอนขึ้นจากความรู้ ความคิดและ ประสบการณ์ของตน หรือประยุกต์จากทฤษฎีและหลักการทั้งของไทยและต่างประเทศ เพื่อการพัฒนา ความสามารถของผู้เรียนในการคิด การเผชิญสถานการณ์ การตัดสินใจและการแก้ปัญหา การพัฒนาทางด้าน ค่านิยม จริยธรรม เจตคติต่างๆ การพัฒนาทางด้านการคิด การปฏิสัมพันธ์และการทํางานเป็นกลุ่ม รวมทั้งการ ปฏิบัติและการแก้ปัญหาต่างๆ รวมทั้งพัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ. 2542
       
ใช้การบูรณาการแบบสอดแทรก(Infusion) การเรียนรู้แบบนี้ครูจะนำเนื้อหาของวิชาต่างๆ ความรู้ประสบการณ์ เหตุการณ์ปัจจุบัน มาสอดแทรกในรายวิชามาปรับโดยใช้หลักการ
            1. เปิดโอกาสนักเรียนรู้ข่าวสารใหม่ในเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้อื่นๆ โดยให้ค้นคว้าเรื่องที่สนใจในรายวิชาที่เกี่ยวข้อง
            2. ให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์ปัญหาและเหตุด้วยตนเอง
            3. นักเรียนสามารถใช้วิชาวิทยาศาสตร์ไปต่อยอดกับความรู้ในแต่ละวิชาของนักเรียน                                    4. สรุปความ จากความคิดเห็นของนักเรียน และนำเสนอแนะแนวทางให้นักเรียนไปปรับใช้
            5. ให้ห้องเรียนกว้างกับนักเรียน เพื่อให้นักเรียนสามารถหยิบจับสิ่งที่นักเรียนสนใจ มาใส่ในการเรียนการสอน

สรุป


สรุป
          การประเมินอิงมาตรฐานระดับที่มีความสำคัญที่สุด คือ การจัดการเรียนรู้หรือการเรียนการสอนนั้นประสบผลสำเร็จ โดยดูจากผู้เรียนมีความรู้ และทักษะเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ กล่าวได้ว่า โปรแกรมการเรียนการสอนมีประสิทธิผลระดับใด อีกประเด็นหนึ่งคือการจัดการเรียนรู้หรือการเรียนการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ได้โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด กล่าวได้ว่าการจัดการเรียนรู้หรือการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพระดับใด การประเมินคุณภาพภายใน เป็นการประเมินความสำคัญที่กระบวนการ (Process) การประเมินคุณภาพภายในเป็นการประเมินในระหว่างจัดการเรียนรู้หรือการเรียนการสอนมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้และปรับปรุงสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอน ส่วนการประเมินคุณภาพภายนอก เป็นการประเมินที่มุ่งตอบคำถามว่า การจัดการเรียนการสอนประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้หรือไม่ ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามที่หลักสูตรกำหนดไว้หรือไม่ คำถามหลัก คือ ผู้เรียนสามารถปฏิบัติงานหลังจากการเรียนการสอนได้หรือไม่ กระบวนการมีขั้นตอนใดที่มีปัญหาอุปสรรค เพื่อนำไปเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้บริหารได้พัฒนาในโอกาสต่อไป


การกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้


การกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้
          The Solo taxonomy
          The Solo taxonomy เป็นการจัดระดับเพื่อประโยชน์ในการแสดงคุณสมบัติเฉพาะในระดับต่างๆกันขอคำถาม และคำตอบที่คาดว่าจะได้รับจากผู้เรียน เป็นชุดของเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้ที่เป็นผลงานของ Biggs and Collis (1982). “SOLO, มาจากคำว่า Structure of Learning Outcome, : เป็นระบบที่นำมาช่วยอธิบายว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการการปฏิบัติที่ซับซ้อนอย่างไร ในการเรียนเพื่อรอบรู้ที่มีความหลากหลายของภาระงานทางวิชาการ ดูที่นิยมจุดประสงค์ของหลักสูตร ในสภาพที่พึงประสงค์ของการปฏิบัติ เพื่อประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนที่ปฏิบัติได้จริง
          การใช้ Solo taxonomy ในการกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้
          Solo taxonomy คือ การกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งในโรงเรียนเฉพาะกาล และการให้คะแนนจากผลงานเท่านั้น แต่ Solo taxonomy เป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญว่าผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้ สิ่งที่สำคัญประการหนึ่งคือ กูจะต้องมีวิธีการสอนอย่างไรที่ผู้เรียนได้ใช้ปัญญาที่มีความซับซ้อนและก่อให้เกิดพัฒนาการมากขึ้น Solo taxonomy ได้รับการสนับสนุนโดย Biggs และ Collis
The Solo taxonomy เป็นชุดของเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้ที่เป็นผลงานของ Biggs and Collis (1982).“SOLO, มาจากคำว่า Structure of Learning Outcome, : ถึงระบบที่นำมาช่วยอธิบายว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการการปฏิบัติที่ซับซ้อนอย่างไร ในการเรียนเพื่อรอบรู้ที่มีความหลากหลายของภาระงานทางวิชาการ โดยที่นิยมจุดประสงค์ของหลักสูตร ในสภาพที่พึงประสงค์ของการปฏิบัติ เพื่อประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนที่ปฏิบัติได้จริง
การใช้ Solo taxonomy จะช่วยให้ทั้งครูและผู้เรียนตระหนักถึงองค์ประกอบที่หลากหลายจากหลักสูตรได้อย่างแจ่มชัดขึ้น แนวคิดดังกล่าวถูกนำไปกำหนดเป็นนโยบายใช้ในการประเมินในมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาหลายแห่ง สืบเนื่องจากสามารถนำไปใช้ได้ในหลายสาขาวิชา การประเมินความสามารถในการปฏิบัติของผู้เรียนอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาผู้เรียนในแง่ของความเข้าใจที่ซับซ้อน ซึ่งความเข้าใจดังกล่าวแบ่งได้เป็น 5 ระดับ (1) ระดับโครงสร้างพื้นฐาน (Pre - structural) (2) ระดับโครงสร้างเดียว (Unit-structural) (3) ระดับโครงสร้างหลากหลาย (Multi- structural) (4) ระดับความสัมพันธ์ของโครงสร้าง(Relational Level)  (5) ระดับแสดงความต่อเนื่องในโครงสร้างภาคขยาย (Extended Abstract Level)
โครงสร้างการสังเกตผลสัมฤทธิ์การเรียน Biggs และ Collis เสนอวิธีการไว้ดังต่อไปนี้ 1) กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ผู้เรียนปฏิบัติในบทเรียน (To Set learning objective appropriate to where students should be at a particulr stage of their program) และ 2) ประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน (To assess the learning outcome attaained by each Student) ไม่เขียนวัตถุประสงค์การเรียนรู้ต้องมั่นใจว่าคำกริยาที่นำมาใช้เพื่อการประเมินมีความถูกต้องเหมาะสมในแต่ละระดับ ดังนี้
- ระดับโครงสร้างพื้นฐาน (pre - structural)นักเรียนได้รับข้อมูลเป็นส่วนๆ ที่ไม่ปะติดปะต่อกัน ไม่มีการจัดการข้อมูล และความหมายโดยรวมของข้อมูลไม่ปรากฏ
- ระดับโครงสร้างเดียว( Unit- structural )ทุเรียนเชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐาน ง่ายต่อการเข้าใจ แต่ไม่แสดงความหมายของความเกี่ยวโยงของข้อมูล
- โครงสร้างระดับหลักหลาย( Mult-structural)ทุเรียนเชื่อมโยงข้อมูลหลายๆ ชนิดเข้าด้วยกัน ความหมายของความสัมพันธ์ระหว่างความเกี่ยวโยงของข้อมูลไม่ปรากฏ
- ระดับความสัมพันธ์ของโครงสร้าง(Relational Level)  ผู้เรียนแสดงความสัมพันธ์ของความเกี่ยวโยงข้อมูลได้ ผู้เรียนแสดงความสัมพันธ์ของความเกี่ยวโยงของข้อมูล และภาพรวมทั้งหมดได้
- ระดับแสดงความต่อเนื่องในโครงสร้างภาคขยาย (Extended Abstract Level) ทุเรียนเชื่อมโยงข้อมูลนอกเหนือจากหัวข้อเรื่องที่ได้รับ ผู้เรียนสามารถสรุปและส่งผ่านความสำคัญ แนะแนวคิดที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรณีตัวอย่าง




ตารางที่ 24 การจัดระดับ Solo taxonomy คำถามและการตอบสนองที่คาดหวังจากผู้เรียน

การจัดระดับ SOLO
คำถามและการตอบสนองที่คาดหวังจากผู้เรียน
ระดับโครงสร้างพื้นฐาน (pre - structural)
ผู้เรียนได้รับข้อมูลเป็นส่วนส่วน ที่ไม่ปะติดปะต่อกันไม่มีการจัดการข้อมูล ความหมายโดยรวมของข้อมูลไม่ปรากฏ
ระดับโครงสร้างเดียว( Unit- structural )
ผู้เรียนเชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐาน ง่ายต่อการเข้าใจไม่แสดงความหมายของความเกี่ยวโยงของข้อมูล
โครงสร้างระดับหลักหลาย( Mult-structural)
ผู้เรียนเชื่อมโยงข้อมูลหลายๆ ชนิดเข้าด้วยกันความหมายของความสัมพันธ์ระหว่างความเกี่ยวโยงของข้อมูลไม่ปรากฏ
ระดับความสัมพันธ์ของโครงสร้าง(Relational Level)  
ผู้เรียนแสดงความสัมพันธ์ของความเกี่ยวโยงของข้อมูลได้นักเรียนแสดงความสัมพันธ์ของความเกี่ยวโยงของข้อมูลและภาพรวมทั้งหมดได้
ระดับแสดงความต่อเนื่องในโครงสร้างภาคขยาย (Extended Abstract Level)
นักเรียนเชื่อมโยงข้อมูลนอกเหนือจากหัวข้อเรื่องที่ได้รับ
ผู้เรียนสามารถสรุปและส่งผ่านความสำคัญ และแนวคิดที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรณีตัวอย่าง

เพื่อความเข้าใจในการทำมโนทัศน์ Solo taxonomy ไปใช้ บิกส์ ได้สรุปดังตารางที่ 25

ตารางที่ 25 ระดับของความเข้าใจ ระยะของการเรียนรู้ และคำกิริยาที่ใช้
ระดับของความเข้าใจที่นักเรียนแสดงออกในการเรียนรู้
ระยะของการเรียนรู้
คำกริยาที่ใช้
ระดับความต่อเนื่องภาคขยาย()
- สามารถสร้างเป็นความคิดเชิงมโนทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เรียนได้
- สามารถสรุปอ้างอิง()ไปยังเนื้อหาใหม่ๆ ได้
ระยะเชิงคุณภาพ
ลักษณะ / พฤติกรรมของการตอบสนองจากการเรียนรู้ของนักเรียนมีการบูรณา()การสู่แผนเชิงโครงสร้าง ()
- สร้างทฤษฎี
- สรุปอ้างอิง
- ตั้งสมมติฐาน
- สะท้อน
- สร้างขึ้น
ระดับความสัมพันธ์ของโครงสร้าง ()
- พฤติกรรมที่แสดงออกให้เห็นถึงการจัดการระหว่างความจริงและทฤษฎีพฤติกรรมและจุดมุ่งหมาย
- มีความเข้าใจในหลายๆ เนื้อหา/องค์ประกอบย่อยๆ ซึ่งสามารถบูรณาการมาเป็นมโนทัศน์
- สามารถนำมโนทัศน์ไปประยุกต์ใช้กับปัญหาอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันหรือการปฏิบัติงาน
- เปรียบเทียบ/ ระบุความแตกต่าง
- อธิบายเชิงเหตุผล
- บูรณาการ
- วิเคราะห์
- แสดงความสัมพันธ์
- นำไปใช้
ระดับโครงสร้างหลากหลาย
- พฤติกรรมที่แสดงออกชี้ให้เห็นถึงความเข้าใจที่กว้างขวางมากขึ้น แต่ยังไม่เป็นระบบ
- ความเข้าใจเฉพาะเนื้อหา / องค์ประกอบย่อยๆ เท่านั้น
- ไม่สามารถจัดระบบของการรวบรวมความคิดหรือมโนทัศน์ของเนื้อหา/ประเด็นต่างๆได้
- ไม่สามารถแสดงความสัมพันธ์ของรายการย่อยกับข้อรายการทั้งหมด
ระยะเชิงปริมาณ
รายละเอียดของการตอบสนองที่เกิดจากการเรียนรู้ของนักเรียนมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น
- แจงนับ ยกตัวอย่าง
- จำแนกแยกแยะ
- อธิบาย
- ลงรายการ
- เชื่อมโยง
- ให้ทำตามลำดับขั้นตอน
ระดับโครงสร้างเดี่ยว
- พฤติกรรมที่แสดงออกเป็นรูปประธรรม ความเข้าใจเนื้อหาเพียงเล็กน้อย
- เน้นเฉพาะเนื้อหา / ประเด็นที่มีความคิดรวบยอดเพียงเรื่องเดียว
- ระบุ
- จำ
- ให้ทำตามขั้นตอนง่ายๆ
ระดับโครงสร้างพื้นฐาน
พฤติกรรมที่แสดงขาดความรู้ความเข้าใจในเนื้อหา/ประเด็น
ถ้าจุดสำคัญ/ประเด็นสำคัญ

ตารางที่ 26 ข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับ Solo taxonomy

Solo taxonomy มีความเหมาะสมกับการวัดสมรรถนะ
Biggs and Collis 1982
ความเป็นอิสระในบริบทของการทำแผนภาพSOLO
(แต่ละสมรรถนะเราตรวจสอบได้จากจุดมุ่งหมายต่างๆ)
การสรุปแนวคิด/ผลโดยประมาณ
ความเป็นอิสระ
(ข้อจำกัดของเราคือ บริบทของศาสตร์/วิชาการ)
การสรุปแนวคิด/ผลโดยประมาณ
ข้อสมมติฐานเกี่ยวกับการให้น้ำหนักที่เท่ากัน
(สมรรถนะจุดมุ่งหมายและหลายจุดมุ่งหมายในหลักสูตรกำหนดน้ำหนักเท่ากัน)
การสรุปแนวคิด/ผลโดยประมาณ
ผลลัพธ์: ความมุ่งมั่น/เจตนา->วางนโยบายและแผนการ->ผลสัมฤทธิ์
(เรา วิเคราะห์นโยบาย/แผนการ แต่ เหตุผล เพื่อ ผลสัมฤทธิ์)
การนำไปใช้

          ประเด็นสำคัญที่พึงระมัดระวังในการใช้ Solo taxonomy
          การปรับใช้  Solo taxonomy กับแนวคิดการสร้างสรรค์องค์ความรู้ ต้องนึกอยู่เสมอว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการสอนและการเรียนรู้ มีอยู่มากมาย อาทิ
          ในการสอนครูผู้สอนมีวิธีการสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้อย่างไร ครูผู้สอนต้องมีความรู้เกี่ยวกับแรงจูงใจในการเรียนรู้ของผู้เรียน
          ในการเรียนรู้ผู้เรียนมีความสามารถในการจัดการเรียนรู้มากน้อยเพียงใด จะต้องมีสิ่งสนับสนุนอะไรจึงจะช่วยให้ผู้เรียนบรรลุผลสัมฤทธิ์ในการจัดการเรียนรู้
          การกำหนดระดับคุณภาพของสมรรถนะนี้เป็นการให้ความสำคัญที่การเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนตามความสามารถ (แทนสิ่งที่ครูมักพบว่านักเรียนคนนั้น คนนี้ เก่ง/ไม่เก่ง หรือดี/ ไม่ดี ) และการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนเพื่อจะนำไปสู่การเรียนรู้ที่ดี การปฏิบัติตามแนวคิดดังกล่าวนี้ สรุปได้ว่า
- ทำให้ ILO ชัดเจนยิ่งขึ้น( ความมุ่งมั่น/ เจตนา (Intended ) การเรียนรู้ (Learning) ผลผลิต (outcomes)
- การทดสอบสมรรถนะ => ILO’s => การสอน
ครูผู้สอนต้องบอกกระบวนการ ILO ในการบรรลุผลการเรียนรู้ ให้นักเรียนได้รับทราบด้วย

 Solo taxonomy มีเหมาะสมดีที่นำมาใช้ในการให้เหตุผลในการกําหนดสมรรถนะในหลักสูตรและรายวิชาต่างๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
SOLO 4 : การพูดอภิปราย สร้างทฤษฎี ทำนายหรือพยากรณ์
SOLO 3 : อธิบาย  เปรียบเทียบ
SOLO 2 :
SOLO 1 :
บทบาทของการสอบ
          การสอบไม่ใช่สิ่งที่ตามมาแต่ต้องคิดไว้ก่อนแนวคิดสำคัญ ในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อต้องการทดสอบสมรรถนะหรือผลผลิตของการสอน นักพัฒนาหลักสูตรจะต้องมีความรู้ต่อไปนี้
ทฤษฎีการวางแผน ( ตลอดโปรแกรมของหลักสูตร)
ทฤษฎีเกี่ยวกับแรงจูงใจ(และสิ่งที่กระตุ้นแรงจูงใจ )
ทั้งนี้เพื่อปรับเปลี่ยนความคิดการสอบคล้ายกับการปรับเปลี่ยนจากความชั่วร้าย เป็นการสร้างแรงจูงใจ และแนวทางในการเรียนรู้ ที่เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอน
การจัดลำดับของจุดประสงค์การเรียนรู้ของบลูม (Boom taxonomy 1956) เมื่อนำมาสัมพันธ์กันกับแนวคิด Solo taxonomy ของ Biggs and Collis 1982
SOLO 1 และ 2 สอดคล้องกับแนวคิดของ บลูม ในขั้นความรู้ ความเข้าใจและการนำไปใช้ข้อมูลเชิงปริมาณ
SOLO 3 และ 4 สอดคล้องกับแนวคิดของ บลูม ในขั้นการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าข้อมูลเชิงคุณภาพ
ตัวอย่าง การกำหนดค่าระดับคุณภาพการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้
ระดับ SOLO 1 หมายถึงการเรียนแบบและคงไว้ซึ่งของเดิม การเขียนแผนจะยึดตำราเป็นหลัก ทำแบบฝึกหัดตามหนังสือ จัดกิจกรรมซ้ำๆ เดิม ใช้สื่ออุปกรณ์สำเร็จรูปไม่มีการประเมินการใช้จริง
 ระดับ SOLO 2 การปรับประยุกต์ใช้ การนำแผนการสอนที่มีอยู่ให้ดีขึ้นมีการบูรณาการเนื้อหาให้สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง (Real World) มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาเล็กน้อยคำนึงสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ เน้นทฤษฎีมากกว่าการปฏิบัติ
ระดับ SOLO 3 หมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (Creative-generative) การเขียนแผนที่คำนึงถึงพฤติกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ จะเขียนแผนแนวทางมหภาค ใช้ผลงานการวิจัยประกอบ การสอนเน้นมโนทัศน์ของวิชาการนั้นๆและบูรณาการแบบข้ามกลุ่มสาระ

          บทบาทของการสอบ
          การสอบไม่ใช่สิ่งที่ตามมาแต่ต้องคิดไว้ก่อนแนวคิดสำคัญ ในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อต้องการทดสอบสมรรถนะหรือผลผลิตของการสอน นักพัฒนาหลักสูตรจะต้องมีความรู้ต่อไปนี้
ทฤษฎีการวางแผน ( ตลอดโปรแกรมของหลักสูตร)
ทฤษฎีเกี่ยวกับแรงจูงใจ(และสิ่งที่กระตุ้นแรงจูงใจ )
ทั้งนี้เพื่อปรับเปลี่ยนความคิดการสอบคล้ายกับการปรับเปลี่ยนจากความชั่วร้าย เป็นการสร้างแรงจูงใจ และแนวทางในการเรียนรู้ ที่เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอน
การจัดลำดับของจุดประสงค์การเรียนรู้ของบลูม (Boom taxonomy 1956) เมื่อนำมาสัมพันธ์กันกับแนวคิด Solo taxonomy ของ Biggs and Collis 1982
SOLO 1 และ 2 สอดคล้องกับแนวคิดของ บลูม ในขั้นความรู้ ความเข้าใจและการนำไปใช้ข้อมูลเชิงปริมาณ
SOLO 3 และ 4 สอดคล้องกับแนวคิดของ บลูม ในขั้นการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าข้อมูลเชิงคุณภาพ
ตัวอย่าง การกำหนดค่าระดับคุณภาพการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้
ระดับ SOLO 1 หมายถึงการเรียนแบบและคงไว้ซึ่งของเดิม การเขียนแผนจะยึดตำราเป็นหลัก ทำแบบฝึกหัดตามหนังสือ จัดกิจกรรมซ้ำๆ เดิม ใช้สื่ออุปกรณ์สำเร็จรูปไม่มีการประเมินการใช้จริง
 ระดับ SOLO 2 การปรับประยุกต์ใช้ การนำแผนการสอนที่มีอยู่ให้ดีขึ้นมีการบูรณาการเนื้อหาให้สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง (Real World) มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาเล็กน้อยคำนึงสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ เน้นทฤษฎีมากกว่าการปฏิบัติ
ระดับ SOLO 3 หมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (Creative-generative) การเขียนแผนที่คำนึงถึงพฤติกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ จะเขียนแผนแนวทางมหภาค ใช้ผลงานการวิจัยประกอบ การสอนเน้นมโนทัศน์ของวิชาการนั้นๆและบูรณาการแบบข้ามกลุ่มสาระ
การแปลความหมายของค่าเฉลี่ย
          ค่าเฉลี่ย 1.00 - 1.49 หมายความว่า มีความสามารถในการเขียนแผนและการนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้ตามรูปแบบ The STUDIES model ระดับต่ำ/ปรับปรุง
          ค่าเฉลี่ย 1.50 - 2.49 หมายความว่า มีความสามารถในการเขียนแผนและการนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้ตามรูปแบบThe STUDIES model ระดับปาน/กลางพอใช้
          ค่าเฉลี่ย 2.50 - 3.00 หมายความว่า มีความสามารถในการเขียนแผนและการนำแผนจัดการเรียนรู้โดยใช้ตามแบบ The STUDIES model ระดับสูง/ดี


ดวงอาทิตย์

         ดวงอาทิตย์   (The Sun)   คือดาวฤกษ์ที่อยู่ตรงศูนย์กลางของระบบสุริยะ   มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 ล้านกิโลเมตร หรือ 109 เท่าของเส...